Top
สัมภาษณ์ดารา พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล

 

ขี่ไปคุยไปกับ “พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล”


พลิกคาแร็คเตอร์สุดเข้ม จัดเต็มการแสดงใน “เพื่อนไม่เก่า”

 
 


ถาม

หลังจากที่รวมตัวกันแสดงในเรื่อง “ฝัน หวาน อาย จูบ” แล้วหนุ่มๆ วงออกัสไปทำอะไรมาบ้าง

 

หลักๆ ของพวกเราก็คือกลับไปเรียนเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะทุกคน ในตอนนี้ก็อยู่ในช่วงวัยเรียนกันหมด แล้วก็มีเล่นคอนเสิร์ตตามงานต่างๆ บางคนก็หนีเพื่อนๆ ไปเล่นหนังครับ (หัวเราะ) อย่างนนกับแวนก็ไป โผล่ใน “หลุดสี่หลุด” และพวกเราก็กำลังทำอัลบั้มชุดใหม่ (Light in the Dark) กันด้วย ก็คิดว่าน่าจะมาพร้อมกับภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” นี่แหละครับ

ถาม

บทบาท-คาแร็คเตอร์

 

ในหนังเรื่องนี้ผมรับบทเป็น “บาส” ครับ เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้าง เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด มีเรื่องอะไรก็จะเก็บไว้ที่ตัวเองตลอด เหมือนเป็น ตัวละครที่ลึกลับ เพราะดูเป็นคนที่ไม่มีที่มาที่ไป แต่ในเรื่องก็จะค่อยๆ ตามตัวเขาไป แล้วไปค้นหาว่าบาสเขามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงตัดสินใจมาร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย



ถาม

เปลี่ยนลุคไปจากเรื่องก่อนหน้านี้เยอะทีเดียว

 

ใช่ครับ มันก็มีเปลี่ยนลุคไปพอสมควรเลย คือบาสเหมือนพอจบมัธยม เขาก็ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่าง เลยทำให้ ลุคของบาสดูเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่ คาแร็คเตอร์เขาจะ เป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจตัวเองเท่าไหร่ครับ ของใช้ก็จะเป็นของใช้เดิมๆ ที่เคยใช้ ปล่อยผมไว้ยาว ไว้หนวด ก็รู้สึกแปลกๆ ตัวเองเหมือนกันนะ เพื่อนๆ ก็จะแซวกัน ก็ตลกดีครับ 

ถาม

คาแร็คเตอร์นี้เหมือนหรือต่างจากตัวจริงอย่างไรบ้าง

 

คือตัวละครของ “บาส” ค่อนข้างที่จะต่างจากตัวพิชมากๆ ครับ คืออย่างตัวพิชเวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือมีปัญหาอะไรก็จะหา
คนปรึกษาเลยทันที ปรึกษาเพื่อนบ้าง คือผมเป็นคนที่พูดคุยทุกอย่าง เล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนฟัง ซึ่งมันตรงข้ามกับบาส เพราะบาสเขาจะเก็บ ทุกอย่างไว้กับตัวเอง ไม่พูด ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลย นอกจาก “นัท”
ในเรื่อง คือในเรื่องผมจะสนิทกับอ๋อง (ที่แสดงเป็น นัท) อยู่ 2 คนครับ น่าจะแตกต่างกันตรงนี้มากกว่า





ถาม

เป็นคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างจาก 2 เรื่องที่ผ่านมาเลย

ใช่ครับ เพราะ “รักแห่งสยาม” ก็จะเป็นอีกคนนึง “ฝัน หวาน อาย จูบ”
ก็จะได้เล่นเป็นตัวเอง แต่พอมาเรื่องนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับตัวละคร
ตัวนี้ ให้มาก บางทีอ่านบทก็ต้องดูว่าเหมือนเพื่อนเราคนไหน หรือว่าเราเคย
พบเจอคนแบบนี้แล้วเค้าเป็นคนยังไง ก็ต้องศึกษาลึกซึ้งมากขึ้นครับ

ถาม

เรื่องราวของเพื่อนไม่เก่า

เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” ก็จะเป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนที่มารวมกลุ่มกันเพื่อที่จะ
ปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯ ไปลำปาง เพราะว่าเคยไปบนไว้ว่า ถ้าเพื่อนคนหนึ่งเอ็นท์ติดมหา’ลัยที่ลำปางก็จะไปแก้บนโดยการ
ปั่นจักรยานไปส่งเพื่อนที่นั่น ซึ่งเขาก็สามารถเข้าเรียนที่ลำปางได้จริงๆ
แล้วตลอดการเดินทางก็เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมาย แล้วทำให้พวกเขาได้ค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำว่าเพื่อนครับ

ถาม

ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนที่จะแสดงเรื่องนี้

 

คือเราก็มีการนัดมารวมตัวกันอ่านบทร่วมกัน ทำความเข้าใจร่วมกัน ถึงเนื้อหาว่าที่มาที่ไปในเรื่องมันเป็นยังไง แล้วก็มี Workshop การแสดง เหมือนต้องฝึกซ้อมการแสดงปูพื้นฐานใหม่ เพราะว่ามีบางคนที่อยู่ในวง แต่ยังไม่เคยเล่นมาก่อน เราก็ต้องมาฝึกซ้อมกันอยู่เรื่อยๆ ครับ พี่มะเดี่ยว ก็จะเข้ามาในช่วงที่พวกเรากำลังซ้อมกันอยู่ แล้วก็เข้ามาในกองถ่ายบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่เค้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ปิง (เกรียงไกร วชิรธรรมพร) ผู้กำกับ แล้วก็ให้วงออกัสได้ทำงานร่วมกับพี่ปิงกันเองครับ

ถาม ร่วมงานกับผู้กำกับใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
 

คือพี่ปิงก็เหมือนรู้จักกันมานานแล้วครับ ผมค่อนข้างที่จะสนิท การทำงาน ก็เหมือนได้ร่วมงานกับพี่ชายคนหนึ่ง คุยกันง่าย เหมือนเป็นรุ่นพี่ที่คอย สอนรุ่น้อง มีเทคนิดหรือมีประสบการณ์ อะไรเขาก็จะเอามาบอกเล่า ให้เราฟัง แล้วพี่ปิงเป็นคนที่เก่งมากครับ สามารถอธิบายอะไรให้พวกเรา เข้าใจได้โดยประโยคเพียงสั้นๆ เขาจะนึกย้อนไปในสมัยวัยรุ่นที่วัยเท่ากับ ตัวละครในเรื่องว่าตอนนั้นพี่เป็นอย่างนี้ แล้วมันต้องเป็นยังไง มันเลยทำให้ เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น แล้วด้วยความที่วัยใกล้เคียงกันเลยทำให้การทำงาน มันสนุก มันง่ายขึ้นครับ





ถาม

ได้ข่าวว่าพี่ปิงเขาขี่จักรยานไม่เป็น

คือก่อนที่หนังจะเปิดกล้องเราจะนัดกันไปที่สวนรถไฟเหมือนซ้อม
ปั่นจักรยานที่เราต้องใช้ เพราะในเรื่องเราจะมีจักรยานคู่ใจกันคนละคัน พวกเราก็ปั่นจักรยานกันไป เราก็เห็นว่าพี่ปิงนั้นปั่นจักรยานไม่แข็ง ก็ปรากฎว่าพี่ปิงปั่นจักรยานไม่เป็นจริงๆ แล้วก็เหมือนกับที่เขาเขียนบท เรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าเขาขี่จักรยานไม่เป็น มันเลยทำให้เขาต้องค่อยๆ ฝึกปั่นจักรยานจนตอนนี้ก็น่าจะคล่องแล้วนะครับ

ถาม

พูดถึงความยากง่ายของในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้

พูดถึงความง่ายก่อนแล้วกันคือเหมือนกับว่าเราเคยทำงานกับวงออกัสมาแล้ว เรารู้ความเป็นไปของวง แล้วก็อยู่กับวงมาตลอด ดังนั้นการรับส่งกัน ในการแสดงก็จะค่อนข้างทำได้ง่าย เกือบจะคล้ายกับการที่เราคุยกันในชีวิต ประจำวัน เพียงแต่เราอยู่ในคาแร็คเตอร์ ส่วนความยากก็คือ มันต้องตีความ กับบท อย่างในตัวละครของบาสเอง เป็นตัวละครที่ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับ ตัวเขามาก คนดูก็จะต้องพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับช่วงชีวิตของเขา ที่ผ่านมา แล้วปัญหาก็คือจะเล่นยังไงเพื่อบอกว่า เราผ่านอะไรมาบ้าง นั่นแหละคือความยากของความเป็นตัวละครบาสครับ

ถาม

เพื่อนๆ ในหนังเรื่องนี้มีเปลี่ยนแปลงลุคไปอย่างไรบ้าง

 

ก็จริงๆ แล้วก็จะไม่ได้มีแค่พิชที่เปลี่ยนลุคไปนะครับ  อย่างเช่น “ต่อ” ก็ต้องไปทำผมแบบสไตล์เกาหลี “อ๋อง” นี่ต้องทำผมหน้าม้า เท่มากๆ แล้วก็มี “นายน์” ที่จะต้องหั่นผมเป็นแบบเกรียนให้เข้ากับบุคลิกที่ดูห้าวๆ แล้วก็มีรอยบากเป็นลายๆ ด้วย เพราะว่าเค้าต้องเล่นเป็นเด็กวิศวะ คาแร็คเตอร์ทุกคนก็จะแตกต่างกันไป แต่ละคนก็จะชัดเจนมากขึ้น ส่วนพี่ปิงก็สนิทกับพวกเราอยู่แล้ว เค้าก็จะเหมือนกับดึงเอาคาแร็คเตอร์ ของเราไปผสมกับตัวละครตัวนั้น มันก็เลยเป็นตัวละครที่มีความสมจริง มากครับ

ถาม

มีใครรู้สึกเขินกับลุคที่เปลี่ยนไปของตัวเองบ้างมั้ย

 

มีตัวผมเองนี่แหละครับ เพราะว่าเราไม่เคยไว้ผมยาวขนาดนี้ ไม่เคย ไว้หนวดแบบว่าเยอะขนาดนี้  พอไปที่มหา’ลัยเพื่อนก็ถามว่า เฮ้ย...ทำไม จะเปลี่ยนเป็นเพลงเพื่อชีวิตเหรอ เพื่อนก็แซว แต่พอเริ่มถ่ายหนังไปได้ ซักระยะก็เริ่มรู้สึกว่าชิน รู้สึกว่ามันก็ดีเหมือนกันนะลุคนี้ พอปิดกล้องปุ๊บ ก็ไปเปลี่ยนกลับมาลุคเดิม เพื่อนก็บอกว่าเออเหมือนคาแร็คเตอร์แหละดีแล้ว ไว้หนวดเหอะ มันไม่ชิน ก็ประมาณนี้ครับ




ถาม

บรรยากาศการถ่ายทำมีความสนุกสนานอย่างไรบ้าง

 

ความสนุกคือเราจะไม่รู้เลยว่าเราจะไปอยู่ตรงที่ไหนของจังหวัดนั้นบ้าง ในเรื่องเนี่ยเราจะถ่ายกันหลายจังหวัดมาก ตั้งแต่ในตัวกรุงเทพฯ, ปทุมธานี ไล่ยาวไปเรื่อยๆ ก็จะมีอ่างทอง, ชัยนาท แล้วก็ขึ้นเหนือไปจนถึง ลำปาง ดังนั้นแต่ละที่ก็จะมีสถานที่สวยงาม แล้วก็จะมี สภาพภูมิประเทศ ที่แตกต่างกันไป บางทีเราไปถ่ายที่ทุ่งนา บางทีเราก็ไปถ่ายที่ถนนดินลูกรัง เป็นฝุ่นอะไรอย่างนี้ ก็คือความท้าทายของการถ่ายหนังเรื่องนี้ เพราะว่าเรา ไม่รู้ว่าเราจะต้องไปที่ไหนบ้าง แล้วก็เรื่องของสภาพอากาศอีก บางทีฝนตก ก็ไม่ได้ถ่าย มันก็จะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นทุกวันนะครับ

ถาม

ประทับใจที่ไหนเป็นพิเศษ

 

สถานที่ที่พิชประทับใจก็จะเป็น “วัดม่วง” ครับ ก็จะเป็นวัดที่มีพระพุทธรูป ใหญ่มาก แล้วก็ข้างหลังพอเปิดประตูไปก็จะเป็นทุ่งนากว้างใหญ่และก็ สวยงามมาก ซึ่งตอนที่ไปถ่ายเป็นตอนเช้า แล้วตอนนั้นทุ่งข้าวก็ยังเป็น สีเขียวแล้วมันสวยมากๆ แบบอยากจะอยู่ตรงนั้นไปเลย ต้องไปดูใน หนังครับ มันสวยงามจริงๆ สถานที่ที่ผมประทับใจอีกแห่งหนึ่ง ก็คือ “เขื่อนเจ้าพระยา” ซึ่งก็จะเป็นเขื่อนที่ใหญ่มาก ซึ่งตอนแรกเราคิดว่า จะเป็นเขื่อนเล็กๆ แต่พอไปถึง โอ้โห...มันใหญ่โตอลังการมากๆ ซึ่งก็เป็นสถานที่อีกที่หนึ่งที่ค่อนข้างประทับใจ  เพราะว่าเราไม่คิดว่า ในจังหวัดชัยนาทเนี่ยจะมีเขื่อนที่ใหญ่ขนาดนี้อยู่ด้วย



ถาม

แล้วจังหวัดลำปางที่เป็นจุดหมายสุดท้ายในหนังล่ะ

 

ผมว่าจังหวัดลำปางมันเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์นะ มันจะเป็นจังหวัดที่มี ความเป็นภาคเหนือสูง วัฒนธรรมล้านนามีอยู่เยอะมาก จริงๆ ก็คล้าย เชียงใหม่ แต่ตัวเมืองมันจะเล็กกว่าเชียงใหม่นิดนึง เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ความเก่าแก่ของตัวเมืองเขายังคงอยู่ แล้วก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่น่าสนใจ เป็นจังหวัดที่จริงๆ สำหรับตัวพิชคิดว่ามันเป็นจังหวัดที่คลาสสิก จังหวัดหนึ่งเลย แล้วมีวัฒนธรรมต่างๆ แล้วก็รู้สึกเหมือนมันเป็นที่ที่สบาย
อยู่แล้วรู้สึกสบายใจครับ ที่ลำปางนี่ก็จะเป็นช่วงท้ายๆ ของเรื่อง จะเป็น เหมือนกับพวกเด็กๆ ได้ไปถึงที่นั่นแล้ว ก็ได้ไปส่งเพื่อน ส่วนตัวบาสเอง เขาก็จะเดินไปตามทางของเขาหลังจากที่ได้ค้นพบความหมายของ คำว่าเพื่อนแล้วประมาณนี้ครับ

ถาม

มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรในการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า

 

อุปสรรคคือเราค่อนข้างมีเวลาที่จำกัด เราไปถ่ายทำมันเหมือนกับ การเดินทางทริปยาวทริปหนึ่ง ประมาณ 2 อาทิตย์ที่ต้องถ่ายติดๆ กันไปเลย ดังนั้นมันก็จะมีในช่วงเวลาที่บรรยากาศความไม่อำนวยในบางเรื่อง ทำให้มันต้องแก้ปัญหากันอยู่ตลอดเวลา คือไม่ใช่แค่ทีมงานอย่างเดียว คือตัวเราก็ต้องทำให้มันดีภายในเทคที่น้อยที่สุด เพื่อที่จะได้ผ่านไป ฉากต่อไป งานค่อนข้างจะเร่งนิดนึง แต่ก็จะสนุก เพราะเราก็จะได้ทำให้ มันเฉียบขาด ทำให้มันเนี้ยบในแบบเทคเดียวผ่านอะไรอย่างนี้ครับ




ถาม

ในเรื่องต้องขี่จักรยานไปตามทางต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง

 

จริงๆ แล้วตัวพิชเป็นคนชอบขี่จักรยานอยู่แล้ว เรียนที่มหา’ลัยก็ต้องขี่ จักรยานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ แต่พอมาถ่ายหนังเรื่องนี้ต้องบอก เลยวว่า มันไม่เหมือนกับการปั่นจักรยานที่เคยปั่นมาตลอดชีวิต เพราะมันเป็นการปั่นจักรยานซึ่งเป็นจักรยานทางไกล มันค่อนข้างใช้ ระยะทางที่ไกลมาก แล้วก็เหนื่อยมาก ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนมาก ทำให้มันเหนื่อยแต่เราก็ต้องปั่นไปเรื่อยๆ แล้วก็มีฉากที่ต้องแข่ง ปั่นจักรยานกันด้วย เล่นเอาวันนั้นแรงผมหมดเลยทีเดียว

ถาม

เล่าถึงฉากแข่งปั่นจักรยานให้ฟังหน่อยเป็นอย่างไรบ้าง

 

ฉากที่แข่งปั่นจักรยานจะเป็นฉากต้นๆ ของการเดินทางที่ทุกคนยังรู้สึก สนุกสนานกับการเดินทางอยู่ แต่ว่าตัวบาสเองก็ยังเป็นตัวละครที่คงที่ คือว่ายังไม่ได้เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ยังคงอยู่กับตัวเองอยู่ เพื่อนๆ ยังคงมีความสนุกสนานในการปั่นจักรยานอยู่ เริ่มแซงกันไปแซงกันมา ก็เลยเหมือนเป็นการแข่งขันไปกลายๆ แต่เราเหมือนเป็นคนปิดกั้น ตัวเองอยู่แต่เราก็แข่งนะ ความท้าทายก็คือเราจะเล่นยังไงว่าเราก็แข่งนะ แต่เราก็ยังอยู่ในคาแร็คเตอร์นั้นอยู่ ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวของเราอยู่



ถาม

มีฉากไหนที่ประทับใจเป็นพิเศษบ้าง

 

ฉากที่ประทับใจที่สุดแล้วก็เป็นฉากที่ยากด้วยในเวลาเดียวกันก็คือ ฉากตอนที่บาสจะต้องปั่นจักรยานข้ามทางหลวง อย่างที่บอกไปแล้วว่า ตัวบาสนี่จะมีปมในใจเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางโดยเฉพาะทางหลวง ดังนั้นเราก็จะค่อนข้างกลัวทางหลวงมาก แล้วมันคือการข้ามถนน 8 เลน ซึ่งเป็นถนนที่กว้างมาก คือต้องใช้ความกล้าแล้วก็มีความกลัวอยู่ในนั้นด้วย แต่ว่าเราก็ผ่านมาได้ แล้วก็เป็นฉากที่เหมือนกับเป็นฉากไคลแม็กซ์ ของบาสด้วย ที่ทำให้บาสได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่าเพื่อน ดังนั้นก็คือเป็นฉาก ที่ต้องใช้ทั้งอารมณ์และสมาธิมากๆ ครับ เพราะเป็นฉากที่ต้องไปขี่ที่ ทางหลวงซึ่งค่อนข้างจะอันตราย เพราะว่าโปรดักชั่นเราต้องการให้สมจริง มีรถวิ่งผ่านไปจริงๆ ดังนั้นก็จะไม่มีการกั้นถนน ก็ต้องปั่นไปจริงๆ แล้วก็ต้องคอยดูว่ามีรถบรรทุกผ่านมาหรือเปล่า ก็เป็นอะไรที่ค่อนข้าง จะเสี่ยงอันตรายพอสมควร แต่ว่าก็มีพี่ๆ คอยช่วยคอยดูว่ามีรถมามั้ย แล้วตัวละครของบาสก็จะค่อนข้างกลัวทางหลวง ซึ่งตัวเราเองก็กลัว เหมือนกัน เพราะว่ามีรถเยอะมากครับ ก็ต้องระวังให้มากขึ้น ก็กลัวทั้งคาแร็คเตอร์และชีวิตจริงเลย (หัวเราะ)




ถาม

คิดว่าเสน่ห์ของเรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” อยู่ตรงไหนบ้าง

 

จริงๆ ก็เคยคิดครับ ตอนที่เราอยู่ที่เชียงใหม่ ก็คืออยากลองปั่นจักรยาน ไปจังหวัดข้างเคียง  อย่างเช่นลำปาง หรือว่าเชียงราย, ลำพูนบ้างครับ ซึ่งระยะทางมันไม่ไกล แต่ว่าถ้าเป็นระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงลำปางอย่างนี้คงไม่ไหวครับ

ถาม

คิดว่าเสน่ห์ของเรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” อยู่ตรงไหนบ้าง

 

ผมว่าเมื่อคนดูได้เข้าไปดูเรื่องนี้แล้วมันจะทำให้เราหวนนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ
ที่ได้เคยอยู่กับเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล สมัยประถม สมัยมัธยม หรือเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นตาย ร้ายดียังไง มีความเป็นอยู่ยังไงมันเหมือนพอได้ออกจากโรงนี้มาแล้ว มันจะทำให้เราคิดถึงเพื่อนแล้วก็ ็อยากจะโทรไปหาเพื่อนเก่าๆ ครับ



ถาม

นิยามของคำว่า “เพื่อนไม่เก่า” ในมุมมองของพิช

 

สำหรับพิชคำว่า “เพื่อนไม่เก่า” ก็คือเพื่อนของพิชทุกๆ คนครับ ไม่ว่าตอนนี้เราจะได้เจอกันอยู่หรือว่าไม่ได้เจอกันแล้ว ต่างคนก็ต่างมีชีวิต เป็นของตัวเอง ไปใช้ชีวิตต่างที่ ไปทำงานต่างที่ พอเวลาเรากลับมาเจอกัน มันเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้นะครับ มันไม่มีความ ห่างเหินเลย เราสามารถกลับมาเจอกัน ติดต่อกันได้ มันยังมีความสนิทใจ แล้วก็ความเป็นห่วงเป็นใย ถึงแม้ห่างไกลกัน แต่เราก็ยังคิดถึงยังส่งข่าว แล้วก็มีเวลาว่างเมื่อไหร่เราก็จะกลับมานัดเจอกันเสมอ ไม่มีทางที่จะ กลายเป็นเพื่อนเก่ากันไปได้ครับ นั่นแหละคือคำว่า “เพื่อนไม่เก่า” ของพิชครับ

ถาม

สุดท้ายฝากผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของวงออกัสหน่อย

 

ก็อยากจะฝากภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” ครับ ก็เป็นภาพยนตร์ ที่สนุกสนานแล้วก็มีหลายรสชาติ ที่สำคัญเลยจะทำให้คุณเข้าใจนิยาม ของคำว่า “เพื่อน” มากขึ้น งานนี้พวกเราวงออกัสทั้งวงตั้งใจทำกัน มากครับ มีการไปฝึกซ้อมการแสดง พัฒนาฝีมือต่างๆ ก็เชื่อว่าจะเป็น ภาพยนตร์ในดวงใจของคุณอีกเรื่องหนึ่ง แล้วเรื่องนี้ยังมีเพลงประกอบ ที่ไพเราะและคิดว่าน่าจะถูกใจคนฟังด้วยครับ ยังไงก็ขอให้ติดตาม ทั้งภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนไม่เก่า” ของวงออกัส แล้วก็อัลบั้มใหม่ของพวกเราด้วยครับผม  ขอบคุณครับ



* ดูประวัติ พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล

* ดูอัลบั้มรูป พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล

 


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา