|
สัมภาษณ์ "จิม - โสภณ" ผู้กำกัีบ ‘ลัดดาแลนด์’
|
ขึ้นชื่อว่าเป็นมือวางอันดับต้น ๆ ในการทำหนังผีของบ้านเราไปอีกคนหนึ่งแล้ว สำหรับ จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
มือเขียนบทหนังผีดัง ๆ อย่าง ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ, แฝด รวมถึง ห้าแพร่ง ตอน ห้องเตียงรวม และ รถมือสอง
และหลังจากชิมลางการเป็นผู้กำกับเป็นครั้งแรกดูบ้างใน โปรแกรมหน้า วิญญาณ อาฆาต ที่ประสบความสำเร็จ
ไปพอท้วม ๆ (ด้วยรายได้ 60 ล้านบาท)
ล่าสุด ในปีนี้ เขากลับมาอีกครั้งในโปรเจกต์หนังเรื่องที่สองของปี 2011 ของค่ายหนังอารมณ์ดี
ด้วยหนังผีเรื่องที่สองของเขาอย่าง ลัดดาแลนด์ ที่หยิบเอาตำนานสยองขวัญท้องถิ่นแดนเชียงใหม่
มาเล่าผ่านจอใหญ่ให้เราได้ชม กัน
ที่มา : FLIMAX
|
|
|
|
|
|
|
|
“มันเริ่มจากเมื่อต้นปีที่แล้ว พี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เขาไปเวิร์คช็อป นักศึกษาที่เชียงใหม่ แล้วมีน้องคนนึงเขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้ให้ฟัง พี่เก้งก็สนใจเกี่ยวกับประเด็นเรื่องความเป็นหมู่บ้านจัดสรร ก็เลยเอามา โยนต่อให้ผมว่า ลองไปพัฒนาดูไหมว่าจะเล่าในมุมมองไหนดี ก็เลยลอง มาคิดไปคิดมาหลาย ๆ ทาง ก่อนที่จะมาเป็นทางนี้ พอดีผมสนใจความเป็น ดราม่าครอบครัว ความเป็นผีหมู่บ้าน ก็เลยเริ่มพัฒนาจากตรงจุดนั้นขึ้นมา พอหลังจากที่ผมพัฒนาเรื่องย่อจนทางพี่เก้งเขาโอเค แล้วก็ดึง พี่เอ๋ (โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล) ให้เข้ามาช่วยเขียนด้วยอีกคน”
|
|
|
|
“ที่มาที่ไปของเรื่องราวนี้มันค่อนข้างจะซับซ้อนนิดนึง เรื่องราวที่เขาเล่า ให้ฟังเกี่ยวกับตำนานของ ‘ลัดดาแลนด์’ ของเชียงใหม่ ถ้าเสิร์ชใน อินเตอร์เน็ตจะเจอเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ลัดดาแลนด์ เยอะมาก ผมก็เลยลองหา ข้อมูลพวกนั้น แล้วก็เอามาคิดต่อ มันก็เลยจะไม่ได้อิงกับตำนาน 100% แต่ที่มันซับซ้อนก็คือว่า หมู่บ้านนี้มันไม่มีอยู่จริง เพราะจริง ๆ แล้ว ลัดดาแลนด์มันเป็นสวน เหมือนสวนนงนุช ที่มีรถไฟรถรางในสวน ชมดอกไม้ เป็นทางนั้นซะมากกว่า ผมก็งงเหมือนกันว่าอยู่ดี ๆ มันกลาย เป็นเรื่องหมู่บ้านได้ยังไง เล่าเป็นตุเป็นตะมาก มันมีข้อมูลเยอะมาก เป็นเรื่องของหมู่บ้านอาถรรพ์ ซะมากกว่า ไม่มีใครพูดถึงสวนซักเท่าไหร่ คือถ้าใครพูดถึงลัดดาแลนด์ที่เชียงใหม่ ทุกคนก็จะรู้จักหมด จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ยึดตำนานนี้เป็นหลักนะครับ โอเค พอผมรู้เรื่องเกี่ยวกับ ลัดดาแลนด์ว่ามีเรื่องเล่า มีคนตาย โน่นนี่ ก็เลยเอาแรงบันดาลใจจาก เรื่องเล่าตรงนั้นมาเขียนเองมากกว่า คิดใหม่ขึ้นมาเลย อ้างอิงแค่ว่า หมู่บ้านนี้อยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก็มีคนตายมีอะไรไป คือเริ่มจากจุดนั้นขึ้นมา”
|
|
|
|
|
|
อันที่จริง จุดใหญ่ใจความของ ลัดดาแลนด์ ไม่ได้มุ่งเน้นประเด็นไปที่ ตัวการ ทำผีหลอกคนดู เหมือนหนังผีทั่ว ๆ ไปที่ทำออกมากันจนเกร่อ ในทุกวันนี้ หากแต่ดูเหมือนว่ามันไปขับเน้นในประเด็นที่เกี่ยวกับ “ครอบครัว” มากกว่า ลัดดาแลนด์ เป็นเรื่องราวของครอบครัว ชนชั้นกลาง ครอบครัวหนึ่ง ที่หัวหน้าครอบครัวเป็นพนักงานกินเงินเดือน ธรรมดา ๆ เหมือนครอบครัว อื่น ๆ ที่่ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยากจะมีบ้าน ของตัวเองสักหลัง และวันหนึ่งเมื่อโอกาสนั้นมาถึง พวกเขาได้มีโอกาสเป็น เจ้าของ บ้านหลังใหม่ในหมู่บ้าน แสนงามสมใจในที่สุด ทุกอย่างดูเหมือน จะดี ครอบครัวมีความสุขพร้อมหน้า แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า มีคนตาย ในหมู่บ้าน นั้น อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อะไร เพราะหมู่บ้านไหน ๆ ก็มีคนตาย แต่มันดันเป็นการตายเพราะเหตุ ฆาตกรรมสุดสยอง และไม่ใช่ ทุกหมู่บ้าน ที่จะได้ประสบกับสิ่งที่พวกเขา จะพบเจอใน ลัดดาแลนด์
|
|
|
|
“หลังจากที่ทำหนังผีขึ้นมาเยอะ ๆ มันจะเริ่มตัน อันนี้มันเป็นทางอีกทางนึง ที่ไม่เคยทำมาก่อน ปกติแล้ว ในหนังผีส่วนใหญ่ เรามักจะคิดว่า ผีคืออะไร? อย่างทำหนังผีกับโรงหนัง ก็ตั้งต้นจากการคิดตัวผีขึ้นมาก่อน แต่พอคราวนี้มันเป็นเรื่องของครอบครัว มันก็เลยต้องคิดจากดราม่า ขึ้นมาก่อน แล้วผีค่อยมาทีหลัง เพราะฉะนั้นมันจะเป็นการทำงานที่เป็นคน ละความรู้สึกกับหนังผี แต่ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอะไร ก็ต้องตอบว่า หนังผีนั่นแหละ เพียงแต่ว่าในความเป็นผีนั้นมันมีเรื่องราวของดราม่า ที่เราติดตาม และสนุกไปกับมันได้ด้วย ไม่ใช่แค่เข้าไปดูเพื่อที่จะเจอผี กลัวผีอย่างเดียว”
|
|
|
|
|
|
ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องของผีแล้ว ที่ผ่านมาก็ทำกันมาร้อยแปดพันผี ทุกรูปแบบ ทุกลีลา แล้วผีของ ลัดดาแลนด์ล่ะ จะเป็นผีแบบไหนกัน?
|
|
“คือไอ้เรื่องนี้มันจะไม่ใช่ผีที่เน้นรูปลักษณ์ความแปลกใหม่ของผี แต่มัน จะเป็นผีที่เน้นความรู้สึกมากกว่า ซึ่งผมว่ามันน่ากลัวขึ้นนะ คือผมเริ่มต้น จากตัวละครที่เป็นคนที่ซื้อบ้านน่ะพี่ อย่างปกติหนังผีทั่วไป สมมุติเป็น บ้านผีสิงเนี่ย มันก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนเข้าไปอยู่ในบ้านที่มีผีสิง หรือคน ไปอยู่ในคฤหาสน์ ในปราสาทที่มีผีสิง แต่หนังผีเรื่องนี้มันจะไม่ใช่เรื่องของ คนไปอยู่ในบ้านผีสิง แต่มันเป็นเรื่องของคนคนนึงที่พยายามจะซื้อบ้าน สักหลัง แล้วพอซื้อได้ปุ๊บ ทุกอย่างมันก็ดีไปหมด แต่บ้านหลังนึงในหมู่บ้าน ที่เขาซื้อนั้น ดันมีคนตาย ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผมคุ้นเคยมาก เพราะผมอยู่หมู่บ้านไหนก็ต้องมีข่าวอยู่แล้วว่าเดี๋ยวซอยโน้นมีคนตาย ซอยนี้ถูกฆ่า ก็ต้องมีอยู่บ้าง
|
|
|
|
|
ซึ่งมันไม่ใช่ผีที่มาโจมตีตัวละครโดยตรง แต่มันเป็นความกลัวในแง่ของ ความกดดันจากอิทธิพลที่มาจากผีมากกว่า ประมาณว่า พอมีคนตายปุ๊บ มันก็เริ่มมีคนโน้นคนนี้เจอผี ซึ่งตัวละครก็ไม่ได้เจอตรง ๆ นะครับ ค่อย ๆ แทรกซึมมาทีละนิดทีละหน่อย แต่ด้วยความกดดันของคนรอบข้าง คนในครอบครัวที่รู้สึกกลัว มันก็เลยจะเป็นความกดดันในแง่ของดราม่า มากกว่า ความน่ากลัวมันคนละอย่างกับที่ไปเจอผีหน้าตาน่ากลัวน่ะ ตรงที่เรารู้สึกว่าเราอยู่ในที่ที่มีผีน่ะ มันเป็นอารมณ์เหมือนกับเวลาที่เรา ไปเช่าโรงแรมนึงแล้วมีคนเล่าให้ฟังว่าห้อง ห้องนี้มีผี เคยมีคนผูกคอตาย ตรงนี้ ๆ นะ เราไม่ได้กลัวเพราะว่าเราเห็นผี แต่เรื่องราวของมันทำให้ เรารู้สึกกลัวน่ะ เรื่องนี้จะเป็นการเล่นกับความรู้สึกตรงนั้น เหมือนกับคนดู ค่อย ๆ เป็นหนึ่งใน ตัวละครที่ค่อย ๆ รู้สึกกับหนังไปเรื่อย ๆ คือพอมัน อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ถ้ามันมีบ้านหลังหนึ่งตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ที่เราต้องผ่านทุกวัน ความรู้สึกตรงนั้นมันจะมีอิทธิพลต่อเราน่ะ”
|
|
|
|
|
|
|
“ผมว่าเรื่องราวผี ๆ หรือแนวทางหนังสยองขวัญมันยังมีแนวทางใหม่ ๆ อยู่ เพียงแต่ว่าเราอาจจะยังคิดไม่ออกแค่นั้นเอง อย่างในเรื่องนี้ถามว่าประเด็น ของผีมันใหม่มากเสียจนเป็นสิ่งใหม่ ๆ ของอุตสาหกรรมหนังไทยไหม ก็ไม่ใช่ แต่พอมันมาอยู่ในบริบทของหนังดราม่า มันเลยเกิดเคมีใหม่ ๆ หนังเรื่องนี้จะไม่ใช่การเซอร์ไพรส์ในเรื่องของผีมากเหมือนหนังเรื่องก่อน ที่ผมเคยทำ หรือหนังผีเรื่องอื่น ๆ ของจีทีเอชที่ผ่านมา แต่จะเป็นการ เซอร์ไพรส์ในแง่ของความรู้สึกของการดูหนังผี ที่ไม่คิดว่าจะมาในอารมณ์นี้ มากกว่า เพราะในรอบสกรีนเทสต์ ฟีดแบ็กที่ออกมาจากโรงอันดับแรก เลยคือคนร้องไห้ ซึ่งคนที่ไม่ได้ดูแต่เดินผ่านไปผ่านมาก็งงว่า “ดูหนังผีกันไม่ใช่เหรอ ทำไมร้องห่มร้องไห้ตาบวมออกมาจาก โรงกัน?” ซึ่งมันเป็นความรู้สึกใหม่ ๆ ของการเข้าไปดูหนังผีที่ได้มากกว่า ความกลัว ผมว่านี่แหละที่มันเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับคนดูที่จะได้ไปมากกว่า”
|
|
|
* ดูประวัติ จิม - โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
* ดูอัลบั้มรูป จิม - โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
|
|