|
ก้าวแรกบนแผ่นฟิล์มของ “รอน AF5” กับ “อีนางเอ๊ย ...เขยฝรั่ง” |
ขึ้นแท่นพระเอก “พระเอกครบรส” ทะลึ่ง ซึ้ง เข้ม ฮา
ก้าวแรกบนแผ่นฟิล์มของ “รอน AF5” กับ “อีนางเอ๊ย ...เขยฝรั่ง”
โรแมนติคคอมิดี้กุ๊กกิ๊ก SPEAK อีสาน
|
|
|
|
|
ถาม |
เป็นศิลปิน AF ที่ฮอตน่าดูเลย ไหนเล่าให้ฟังหน่อย ว่าหลังจากชีวิตในบ้านนักล่าฝันแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับรอนบ้าง
|
|
สวัสดีครับ ผม รอน AF 5 ภัทรภณ โตอุ่น ครับ ก็สำหรับหลังจาก ที่รอนได้มีโอกาสเข้าบ้าน AF แล้วก็ออกมาจากบ้านได้มีโอกาสทำงาน วงการบันเทิงเยอะมาก ก็มีโอกาสได้ทำอัลบั้มร่วมกับเพื่อนๆ มีโอกาสได้ ร้องเพลง มีเพลงเป็นของตัวเอง มีโอกาสได้ทำในสายงานการนักร้อง เยอะแยะ และตอนนี้เองรอนก็มีโอกาสได้มาทำงานทางด้านการแสดง มากขึ้น เริ่มจาก ตอนนี้เลย ก็กำลังจะมีหนังเรื่อง อีนางเอ๊ย....เขยฝรั่ง ซึ่งเป็นหนัง เรื่องแรกของรอนด้วยกำลังจะเข้าฉายแล้ว แล้วตอนนี้ก็ได้ ถ่ายละครอยู่ด้วย ซึ่งก็ค่อยๆ จะทยอยออกมา สำหรับใครที่ติดตามอยู่ก็จะมี เรื่อง น้องใหม่...ร้ายบริสุทธิ์ เป็นหนุ่มสุพรรณพูดเหน่อ เป็นอีกบทบาท ที่ยากเหมือนกัน เพราะส่วนตัวแล้วพูดภาษาสุพรรณไม่ได้ อันนี้ก็เป็นอีก หนึ่งอันที่ ท้าทายความสามารถมากๆ ส่วนในช่วงพฤษภาคมซึ่งเป็น ช่วงเดียวกับที่ หนังอีนางเอ๊ย...เขยฝรั่งกำลังจะเข้า รอนก็จะมีละคร เหมือนกัน เรื่องเรือนหอ รอเฮี้ยน รับบทเป็นหนุ่มที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก คาแรกเตอร์ก็ฉีกกันหมดเลย แล้วก็กำลังจะเปิดละครเรื่องใหม่เรื่องต้มยำ ลำซิ่ง เป็นละครเพลง และอีกเรื่องรักสุดปลายฟ้า ก็มีโอกาสได้หันมาทาง ด้านการแสดงมากขึ้น ก็ขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยที่ให้โอกาส ก็อยากให้ลอง ติดตามดูครับ
|
|
ถาม |
เท่ากับว่าใน 1 สัปดาห์นี่ทำงานทุกวัน
|
|
|
ครับตอนนี้ 7 วันก็ทำงานทุกวัน ด้วยความที่ถ่ายละครถ่ายพร้อมกันหลายเรื่องแล้วก่อนหน้าก็ถ่ายหนัง อีนางเอ๊ย..เขยฝรั่ง แต่ตอนนี้ก็หนังเตรียมจะเข้า ก็ต้องแบ่งเวลาไปโปรโมทหนังควบคู่กันไปด้วย
|
|
|
|
ถาม |
พูดถึงหนังเรื่องแรกในชีวิตที่รับบทเป็นพระเอกด้วย “อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง” คาแรคเตอร์เป็นอย่างไรบ้าง
|
|
ในภาพยนตร์เรื่อง อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง รับบทเป็น มาร์ค ครับ สำหรับคาแรกเตอร์ที่ได้รับในหนังเรื่องนี้ บทบาทของผมในเรื่องมีชื่อว่า “บุญมาก” หรือว่า “มาร์ค” เป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง จริงใจแล้วก็จริงจัง หล่อเข้มๆ เป็นลูกของผู้ใหญ่สุข เป็นผู้ใหญ่บ้านที่ดูแลหมู่บ้าน จะเป็นคนที่ รักใครรักจริง มีความทะเล้นซื่อๆ แต่ก็เป็นคนที่จริงจังอยากจะพิสูจน์ตัวเอง ให้รู้ว่าหนุ่มอีสานก็มีอะไรดีเหมือนกัน ความใฝ่ฝันของเขา คืออยากเป็น ทนายความ ก็เลยดั้นด้นเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพ ถึงขนาดพ่อของเราก็ต้อง ขายควายเพื่อส่งลูกชาย เพื่อที่จะสานฝันให้เป็นจริง แต่พอไปเรียน 6 ปีก็ แล้วก็ยังไม่จบสักที เพราะติดอยู่แค่วิชาเดียวที่สอบไม่ผ่านคือวิชาภาษาอังกฤษ ก็เลยท้อๆ กลับมาบ้านพบว่า ในหมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
|
|
|
|
มีฝรั่งเข้ามาใช้ชีวิตกับผู้คนในหมู่บ้านมากขึ้น ค่านิยมที่จะมีสามีเป็นฝรั่ง มากขึ้น ผู้หญิงในหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็นสาวรุ่นไหนทุกคนก็อยากมีสามี เป็นฝรั่งกันหมด เด็กๆ เวลาเล่นละครกันก็ถ้าทำตัวแบบนี้ ฉันจะไปเอา ผัวฝรั่ง แม้แต่เด็กๆ ตัวเล็กๆ ก็มีค่านิยมแบบนี้เกิดขึ้น แม้กระทั่งแฟนของ เพื่อนเรายังทิ้งเพื่อนเราไปหาสามีฝรั่ง รวมถึงพี่สาวของแฟนเราก็ไป แต่งงาน กับฝรั่ง แล้ว แววดาวแฟนของเรา จะทิ้งเราไปแต่งงานกับฝรั่ง หรือเปล่า เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นกับตัวคาแรกเตอร์ของเรา บุญมากเลยคิดว่า ไม่ได้ละ เราต้องรีบกลับมาพัฒนาตัวเอง พัฒนาเพื่อนๆเรา หนุ่มชาวอีสาน ให้เทียบเท่ากับพวกฝรั่งให้ผู้หญิงเห็นว่าหนุ่มอีสานก็มีดี ซึ่งในความรู้สึกลึกๆ แล้วมาร์คเองก็จะมีความเป็นผู้นำ มีความตั้งใจที่จะพัฒนาหมู่บ้าน ก็เลยลุกขึ้นมาปฏิวัติหนุ่มอีสานให้สาวๆ ได้รู้ว่า เออ เราก็ไม่ได้สำมะเลเทเมา เจ้าชู้อย่างที่ใครเข้าใจนะ แบบว่าหนุ่มอีสานก็มีอะไรดีสู้ฝรั่งได้
|
|
|
ถาม |
. เรื่องราวออกแนวคอมิดี้โรแมนติค
|
|
ครับก็นอกจากเรื่อง เขยฝรั่ง ที่เข้ามามีอิทธิพลกับคนอีสาน กับในหมู่บ้านแล้ว ตัวหนังก็จะพูดถึงเรื่องราวความรักของบุญมากกับ แววดาว (รับบทโดยเปรี้ยว AF 2) คนนี้จะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วโตมาด้วยกัน มันก็พัฒนาความสัมพันธ์อยู่ด้วยกันจาก เป็นเพื่อนกันแซวกันมาแล้วก็รักกัน อย่างด้วยตัวของแววดาวที่เขาเป็นสาวอีสาน เขาก็จะมีความแก่นอยู่ในตัวอยู่แล้ว กล้าได้ กล้าเสีย ก็จะมีขี่ควายบู๊ๆตามประสาสาวอีสาน ก็รู้สึกว่าอยู่ด้วยกันมาก็เริ่มรู้สึกชอบ พอบุญมากได้เข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯมา 6 ปี กลับมาเจอแววดาวที่โตขึ้นเขาสวยขึ้นน่ารักขึ้น เลยรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แหละที่เราชอบ ก็จะมีแซวเหมือนคู่รักคู่กัดกัน ถ่ายทอดออกมาก็ดูน่ารักดี มันถ่ายทอดอารมณ์ของชาวอีสาน ด้วยความที่จริงใจ เวลาจีบก็จีบกันตรงๆ มันก็เลยรู้สึกว่าน่ารัก ไปอีกแบบ ซึ่งในความจริงแล้วตัวบุญมากเป็นคนที่รักจริงหวังแต่งมาก รักแววดาวแต่ติดอยู่ที่ตรงแม่มะลิ เป็นแม่ของแววดาว ซึ่งเขาเห็นว่าเราไม่เอาไหน วันๆ อยู่แต่สมาคมควายด่อน ก็จะมีเพื่อนๆคือพี่เหลือเฟือ ดื่มเหล้ากันบ้าง เขาเลยเห็นว่ามัน ไม่ได้เรื่อง เขาก็เลยไม่อยากให้ลูกสาวเขามายุ่งกับเรา เขาอยากให้ลูกสาวเขาได้กับคนที่ดีๆ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอันที่อยากให้แม่เขา เห็น เพราะฉะนั้นเราต้องพิสูจน์ว่า สมาคมควายด่อนเพื่อนเราและเราก็มีดีนะ ไม่ใช่สักแต่ว่ากินเหล้าอย่างเดียว
|
|
|
|
ถาม |
ตอนที่เห็นบททีแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง คิดว่า เสน่ห์ของคาแรคเตอร์ รวมไปถึงหนังเรื่องอีนางเอ๊ย...เขยฝรั่งอยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
|
|
. ความรู้สึกที่มีโอกาสได้รับบท บุญมาก ในเรื่องอีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง คือ รอน อยากจะบอกว่า ตอนเห็นบทเห็นตัวหนังสือทีแรก ตกใจ เพราะบทเยอะมาก คือจริงๆ เรามาจากสายนักร้อง AF เริ่มทำงานทางการแสดงพร้อมๆ กันหมด ไม่ว่าละครหรือว่าหนัง อย่างแรกเลย เรื่อง อีนางเอ้ย...เขยฝรั่ง ไปแคสติ้ง พูดอีสาน ด้วยความที่เป็นคนภาคกลางพูดภาษาอื่นไม่ได้เลย ยกเว้นภาษาภาค กลางและภาษาอังกฤษ บอกได้เลยว่าเครียดมาก คือเรายังไม่มีประสบการณ์ ทางด้านการแสดง แล้วหนังก็เป็นหนังเรื่องแรก รับบทเป็นพระเอก ทุกคนใน เรื่องพูดภาษาอีสานได้หมดยกเว้นผม แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพระเอกอีก มันก็รู้สึกกดดันเรามาก
|
|
|
|
มาก เราเป็นคนกรุงเทพ เราจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของเด็กอีสานได้ดี ขนาดไหน เพราะตัวเราก็ไม่ได้มีโอกาสได้มีญาติหรือได้รู้จักกับชีวิตของ ชาวอีสาน คาแรกเตอร์ของบุญมากที่เป็นเด็กอีสาน เป็นคนซื่อ มันจะซื่อออกมา แบบไหน จะนำเสนอในมุมมองใด เพราะการที่เราได้รับบทนี้ ถือว่าเราได้รับ เกียรติให้เป็นตัวแทนเด็กหนุ่มชาวอีสาน ต้องเริ่มทำการบ้าน ตอนแรกก็คุยกับ ผู้กำกับว่าทำอย่างไงดี ถ้าภาษาอีสานผมว่ามันน่าจะมีปัญหา ก็เลยไปอยู่กับ ชาวบ้าน ได้คลุกคลีกับชาวอีสาน สิ่งที่สัมผัสได้เลย คือ ใจ ชาวบ้านน่ารักมาก แล้วก็รู้สึกว่า ตัวละครตัวนี้มีเสน่ห์มาก ความกดดันนี่ทิ้งไปให้หมดเลย ตั้งใจเลย ว่า เราเป็นตัวแทนให้หนุ่มอีสานได้ดีขนาดไหน เสน่ห์ของมันอยู่ที่ความซื่อ ความจริงใจ มีความทะเยอทยาน รู้สึกว่า ด้วยบุคลิกตัวเราเป็นคนที่มีรอยยิ้ม ตรงนี้อยู่ด้วย เลยทำให้บทมันดูน่ารักมากขึ้น ดูเป็นเด็กที่จริงใจ ตั้งใจ แล้วก็น่ารัก เป็นคาแรกเตอร์หนึ่งที่ผมดีใจที่มีโอกาสได้เล่น น่ารักมาก
|
|
|
ถาม |
. เห็นบอกว่าต้องมีการเวิร์คช็อพด้วย
|
|
ก่อนที่จะโอกาสเริ่มเปิดกล้อง ก็คือได้มีโอกาส เวิร์คช็อพด้วยการนับหนึ่ง ทุกอย่าง เวิร์คช็อพด้านการแสดง เวิร์คช็อพการ ใช้ภาษาอีสาน และเรื่องนี้มีพระเอกอีกตัวหนึ่ง ก็คือเจ้าควายด่อน หรือ ควายขาวควายเผือก คือได้มีโอกาสรู้จักกับควาย ก็ไปเวิร์คช็อพกับควายให้เขาจำกลิ่นเรา อาบน้ำให้เขาแล้วก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ปกติเป็นคนชอบสัตว์รักสัตว์อยู่แล้ว ก็มีโอกาสได้อยู่กับเขา รู้เลยว่าเขาน่ารักมาก เถียงแทนเลยว่า ใครว่าควายโง่ควายไม่ได้โง่ ฉลาดมาก เป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วก็ได้ฝึกภาษาอีสาน ภาษาอีสานจะมีแอ็คติ้งโค้ชที่ดูแลเราโดยเฉพาะ ชื่อว่าพี่เชอรี่เป็นพี่ผู้หญิง ด้วยความที่เราไม่ได้มีพื้นฐาน ทางอีสาน เวลาเข้าฉากต้องเตรียมตัว ไดอาล็อคมายังไง ก็ส่งภาษาไทยให้พี่เชอรี่ แล้วก็จำแล้วก็พูดออกไป ก็เลยต้องอยู่กับ พี่เขาตลอด เพราะว่าไม่ได้พูดได้ด้วยตัวเอง ก็เลยต้องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง อย่างที่ผ่านมาเคยเข้าใจมาตลอดว่าภาษาอีสาน เวลาพูดต้องเสียงสูง เช่น กินข้าวบ่ จริงๆแล้วลงต่ำ คือมันจะลงต่ำพยางค์สุดท้าย เสียงสูงก่อนแล้วลงต่ำ ยากมาก เพราะถ่ายละคร อีกเรื่องหนึ่ง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ผมพูดเหน่อ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเริ่มพร้อมกันหมด น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ต้องพูดเหน่อ อย่างหนังก็ต้องเว้าอีสาน อีสานโลด คนละแบบเลย ช่วงแรกปรับไม่ได้คือตีกันหมดเลย จะเหน่อหลุดมาบ้างมีอีสานโผล่มาบ้าง ช่วงแรกจะเครียด แต่พอทุกอย่างจบลงหมด เราทำได้ดีใจภูมิใจมาก แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็หนักเอาการเหมือนกัน
|
ถาม |
เป็นหนุ่มเมืองกรุงแต่ต้องแปลงร่างเปลี่ยนลุคส์ให้กลายเป็นหนุ่มอีสาน
|
|
มีคนถามว่าหนุ่มภาคกลางเป็นอย่างไรบ้าง ที่ต้องเปลี่ยนบุคลิกให้เป็น หนุ่มภาคอีสาน ยากไหม ยากครับด้วยความที่เราไม่เคยคุ้นเคยตรงนี้มาก่อน อย่างฉากขี่ควายเราก็ไม่เคยขี่ควาย ก็ต้องไปขี่เขา ตอนแรกดึงเท่าไหร่ ก็ดึงไม่ไป คือกลัวเขาเจ็บ สุดท้ายพี่เขาบอกดึงเลยดึงเลย ผมก็ดึงๆ ทีนี้ก็เริ่ม รู้ละ การเอาขาตีเหมือนขับรถเก๋งเลย ทีแรกขับไม่ได้ แต่สุดท้ายก็มาขับเขาเล่น ขี่ได้บรื๋อ ส่วนที่ลำบากหน่อยก็คือ อันที่จริงเป็นคนตัวดำอยู่แล้ว แต่พอถ่าย เรื่องนี้ต้องลงตัวดำ ซึ่งของผมบล็อคตัวดำหมดเลย บล็อคทั้งตัว เพราะต้อง ถอดเสื้อด้วย แล้วก็ตื่นมา ต้องตื่นก่อนคนอื่นเพราะต้องลงตัวดำ บล็อคตัวดำ อาบน้ำก็ต้องขัดแล้ว ถึงขั้นล้างธรรมดาไม่ออก
|
|
|
|
แล้วก็มีฉากที่อยู่ในน้ำ ฉากที่ต้องไปในคลอง ลงน้ำก็ไม่ออก กว่าจะเช็ดขัดถู แล้วข้างหลังล้างยาก มาก ก็สนุกดีถือว่าลงกันแดดไปในตัว แดดแรงมาก ช่วงที่ไปถ่ายก็ไปช่วงปลายปี และแดดก็เป็นแดดทุ่งนา ดำกันเป็นแถบๆ อย่างก่อนเข้าฉากก็แต่งหน้า แต่แต่งหน้าก็ไม่นาน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่วันไหนต้องบล็อคตัว พี่ๆช่างแต่งหน้าช่างแต่งตัวเป็นที่รู้กัน จะดูคิวเลยว่า วันนี้มีฉากถอดเสื้อหรือเปล่า พอถอดเสื้อก็ลงๆ ประมาณเกือบชั่วโมง ยิ่งถ้านุ่งกางเกงขาสั้นด้วย ก็ต้องยิ่งลงมากอีก แล้วส่วนใหญ่เป็นขาสั้นทั้งนั้น
ตอนลงประมาณเกือบชั่วโมง แต่ตอนล้างเป็นดับเบิ้ลรวมอาบน้ำด้วย พวกเคลนซิ่ง?ที่เอาไว้สำหรับล้างหน้าหมดไปเยอะมากเพราะเอามาเช็ดขัดตัว ทั้งขาทั้งแขนใช้เวลานานมาก อย่างในหนังก็จะมีฉากที่บุญมากต้องอาบน้ำ ผ้าขาวม้ากลางทุ่งซึ่งสำหรับตัวรอนก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกมาก เพราะผู้ชายก็นุ่ง ผ้าเช็ดตัวอาบน้ำอยู่แล้ว นุ่งผ้าขนหนูนุ่งผ้าขาวม้า มันก็ใกล้ๆ กัน ต้องมาอาบตรงเถียงนาตักโอ่ง แล้วอยู่กลางทุ่งเลย ก็มีเขินๆ หลังๆ ก็เริ่มชิน ก็ไม่ได้ว่าเป็นหนุ่มเมืองกรุงอะไรขนาดนั้น (หัวเราะ)
|
|
|
ถาม |
ทำงานร่วมกับเปรี้ยวAF
|
|
อย่างพี่เปรี้ยวคนอาจจะเห็นว่า AF เหมือนกัน จริงๆ แล้ว ถามว่ารู้จักกันไหม รู้จัก แต่ด้วยความที่ตัวงานไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้ว ก็เลยต้องมีเวลาที่ต้องไปทำความสนิมสนมกัน เพราะต้องเข้าพระเข้านางกัน พระเอกกับนางเอก แต่จริงๆ แล้วตัวพี่เปรี้ยวเขา ก็เป็นคนที่น่ารักอยู่แล้ว เราก็เชียร์เขาตั้งแต่ AF 2 อยู่แล้วด้วย ก็รู้สึกดีใจที่วันหนึ่งเราได้มีโอกาสมาทำงานกับรุ่นพี่นักล่าฝัน ที่เราเคยชื่นชอบมาก่อน
|
|
ถาม |
อย่างนี้ก็ต้องมีฉากที่กุ๊กกิ๊กโรแมนติคกันด้วยใช่มั้ย
|
|
ครับก็มีหลายฉากอยู่เหมือนกัน ก็จะมีฉากขี่ควาย บุญมากต้องเป็นคนขี่ แล้วแววดาวนั่งข้างหน้า แต่มันยากที่ต้องแซวด้วย ต้องกุ๊กกิ๊ก แต่ประเด็น คือคุณควายไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่ ในฉากที่ถ่ายส่วนใหญ่จะเป็น เถียงนาซึ่งเราต้องให้ควายเดินไปในทุ่งนาด้วย ต้องตีเขาด้วย ต้องบังคับ เขาด้วย ต้องจำบท ต้องกุ๊กกิ๊ก บางครั้งเขาหันตูด อย่างที่บอก เด็ก สัตว์ สลิง ที่ทำงานยากก็เจอมาแล้ว ไอ้ด่อน (ควายเผือก) นี่แหละ ไดอาล็อค ได้แล้ว ทุกอย่างพร้อม กลับหยุดเดินซะงั้น หงุดหงิดบ้าง วิ่งลงไปในทุ่งนา งอแง ด่อน เขาจะป็นผิวเผือกมันขาว เพราะผิวเขาบางเขาก็จะหงุดหงิด งอแงตลอด นานๆ ไปเริ่มไม่เสร็จสักที หลายๆคัทก็งอแง ส่วนกับพี่เปรี้ยว ยอมรับช่วงแรกก็เกร็งๆเป็นธรรมดา ผมเกร็ง แต่พี่เปรี้ยวจะไม่เกร็ง แต่ด้วยความที่พี่เปรี้ยวเขาเป็นคนที่น่ารักอยู่แล้ว เขามีบุคลิกที่ช่วยให้ เราสมูทมากขึ้น เขาจะบอกเอาเลยๆ พี่เปรี้ยวช่วยรอนได้เยอะ แล้วยิ่งต้อง มองตากัน รอนก็จะตัวแข็งเลย
|
|
ถาม |
ทำไมต้องเกร็งเวลาแก้มใกล้กัน
|
|
|
เป็นเรื่องธรรมดา ผมยังใหม่และซีนที่ถ่ายเป็นซีนต้นๆ ที่เริ่มต้นถ่ายทำ ก็ยังเกร็ง พอถ่ายก็เขิน เป็นผู้หญิงด้วยเลยอาย ก็เป็นฉากกึ่งๆ เลิฟซีนกับพี่เปรี้ยวในน้ำ เป็นฉากที่ลงไปในน้ำกับแววดาว ก็พูดได้ว่าเป็นฉากกุ๊กกิ๊กกัน มีเตรียมบทมา แต่ผู้กำกับ ให้นอกบท (หัวเราะ) มีมาแอบบอกเราว่า ต้องแบบนี้นะ เตี๊ยมกันไม่ให้พี่เปรี้ยวรู้ ก็จะได้เขินจริงๆ ซึ่งเบื้องหลังในฉากนี้ จริงๆ แล้ว พี่เปรี้ยวว่ายน้ำไม่เป็น และบ่อก็ลึกประมานหนึ่งเลยทีเดียว เราต้องคอยเซฟเขา เพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็น ข้างล่างจะมีเหล็ก และพี่เปรี้ยวก็จะจับเหล็กอยู่ ซีนนั้นถ่ายอยู่ในน้ำทั้งวันและก็เป็นหน้าหนาว ผมมือเปื่อยหมดเลย เพราะต้องมีฉากโดดลงอยู่ในน้ำ ทั้งวัน จริงๆ แล้วเป็นคนสบายๆ มาถ่ายงานต่างจังหวัดก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศมากกว่า ในฉากนี้ นอกจากจะมีไดอาล็อคหวานๆ อากาศเย็นแล้ว ตัวผู้กำกับเองก็มีไอเดียเกี่ยวกับท่ากระโดดแบบหนุ่มอีสานด้วย ตอนที่รอนโดดครั้งแรกโดดเหมือนท่าฟรีสไตล์ นึกว่าหนุ่มเกาหลี (หัวเราะ) พี่เก่งก็บอกว่า คิดถึงอารมณ์ที่ว่ากลับมาอีสานต้อง โอ้วโฮ้ย !! ทุ่งนา โดดแบบตู้มเลย ไม่มีท่า สำหรับฉากโดดน้ำนี่ก็มีหลายเทคอยู่ครับ โดนไป 5-6 เทค นี่แค่โดดน้ำ ก็ต้องขึ้นมาเป่าผมใหม่ให้มันแห้ง แล้วก็โดดลงไปใหม่
|
|
ถาม |
ได้ข่าวว่าหนังเรื่องแรกมีเซอร์ไพรส์โชว์อวัยวะด้วย
|
|
ก็จะเป็นฉากที่บุญมากออกไปแซวนางเอกตรงท่าน้ำ นางเอกแลบลิ้นใส่ พระเอกบุญมากถลกกางเกงโชว์ก้นให้กับแววดาว ตอนที่อ่านบททีแรก อ่านตรงนี้ ก็รู้สึกอาย ผมก็ลืมๆ จนมาถึงวันถ่ายทำ พี่เก่งผู้กำกับเขาก็ มองๆ รอนอยู่พักหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจบอกว่า เดี๋ยวพอถึงเวลาถ่ายรอนไม่ต้อง ดึงกางเกงออกแล้วกันนะ ไม่ต้องโชว์ก้น ทีนี้ด้วยความที่ผมเป็น นักแสดงใหม่ แล้วมันเป็นเรื่องของ การแสดง ถ้าเราทำได้มันก็ดี ก็เลยบอกพี่เก่งว่าเอาเลย พี่เก่งก็บอกแน่นะ ทำให้ได้ เพราะรอนก็มองว่า มันเป็นสปิริตตัวตน ชาวอีสาน แต่พอถึงเวลาถ่าย อายมาก ตอนที่มัน ออกไป และมีคนมาดูนี่แหละ อย่างเทคแรกก็จะดึงแค่นี้ พี่เก่งก็บอกให้ ดึงลงไปเลยดึงให้มันเห็นไปเลย แรกๆ จะมีแต่ทีมงานเรา เช้าๆ คนไม่เยอะ มาก พอถ่ายไป 3-4 เทคเสร็จ ชาวบ้านก็มาดูกัน และบอกว่า มาดูนี่เร็ว พระเอกโชว์ตูด เรียกมาทั้งหมู่บ้าน และนั่งดู เรียงยาว แล้วไม่ใช่แค่ดึง ธรรมดานะ ดึงแล้วก็ต้องมีตีก้นด้วย ก็เป็นฉากหนึ่งที่จะรอดูตัวเอง เหมือนกันว่าภาพออกมาจะเป็นอย่างไร เพราะอายมาก แล้วก็มาถึงอีก ฉากหนึ่ง ที่ชื่อว่า ข้าวจี่สื่อรัก ข้าวจี่คืออาหารของอีสานที่เป็นข้าวเหนียว แล้วเอามาชุปไข่ เอาไปย่างไฟแล้วก็คลุกเกลือ เคยได้ยินว่า ข้าวจี่ๆ แต่ไม่เคยรู้จัก แล้วฉากนี้ ในเรื่องก็จะเป็นฉากหน้าหนาวแล้วเรากับ พี่เปรี้ยวเขาก็จะมาผิงไฟกัน พี่เปรี้ยวเขาก็ทำข้าวจี่ป้อนเรา ฉากข้าวจี่ สื่อรักจริงเค็มเชียว แต่ต้องถ่ายทอดออกมาให้รู้สึกว่าหวาน เพราะนางเอก เขาป้อนให้เรา ก็ต้องผิงไฟกันก็เป็นฉากที่น่ารักๆ ข้าวจี่ก็อร่อย มันจะเค็มๆ มันๆ เป็นอาหารที่น่าสนใจ ก็มีโอกาสได้ชิม แล้วตอนเล่น ผมก็จะเขิน ตลอดเวลา ถ้าถามว่าใครเขินใครก่อน ก็บอกว่าเราเขินก่อน พี่เปรี้ยวเขา ไม่ค่อยเขินเพราะต้องจ้องตากัน ก็รู้สึกดีนะ เพราะเข้าถึงอารมณ์
|
|
|
|
|
|
แล้วพอถ่ายเสร็จวิ่งไปดูมอนิเตอร์ ภาพก็จะดูกุ๊กกิ๊กๆ ไม่ได้ดูแรงมาก แต่ดูแล้วน่ารักดี นอกจากนี้ก็จะมีฉากสำคัญของเรื่องคือ ฉากแต่งงาน ฉากนี้ไม่ทำธรรมดา คือต้องแห่ขันหมากไปขอแววดาว และที่พิเศษกว่านั้นคือ ต้องขี่ควาย ซึ่งขี่ควายไม่พอ ข้างหลังยังต้องมีรำ แล้วยังมีแตรวงข้างหลังอีก คือดังมากแล้วควายตกใจ เวลามันตกใจมันก็จะเดินโยก แล้วข้างๆ มันเป็น ลวดหนาม กว่าจะถ่ายเสร็จก็บ่ายๆ แล้วชุดแต่งงานของอีสานจะเป็นผ้าไหม ชุดสีขาว นุ่งผ้าขาวม้า มีสร้อยทอง ประมาณว่า วันนั้นหล่อเลย เพราะต้องไปขอสาว จำได้ว่าตอนนั้นร้อนมากตอนซ้อมเครื่องเสียงใช้ได้ แต่พอเอาจริงเครื่องเสียงก็ดับ แล้วเหงื่อ ออกเยอะมาก ควายก็งอแง เอาน้ำราดตลอดเวลา แล้วพี่เหลือบอกว่าเล่นฉากแต่งงานเขาถือเคล็ดกัน ถ้าใส่แล้วถ่ายเขาบอก จะไม่ได้แต่งงาน ต้องเดินข้ามชุดก่อนแล้วถึงเอามาใส่ ก็เป็นฉากหนึ่งที่ไม่ใช่ควายจะงอแง ผมก็งอแงไปด้วย กว่าเครื่องเสียง จะเสร็จก็ต้องลากควายกลับมาใหม่ ก็เป็นอีกฉากที่กว่าจะผ่านมาได้ก็เต็มที่ครับหนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน แล้วฉากนี้มี หอมแก้มครับ พอถึงในบ้านก็มีพิธีผูกเสี่ยว แล้วก็หอมแก้มเป็นฉากที่เขาจะอินเสิร์ตหน้าเราแล้วเราก็หอมแก้ม พี่เปรี้ยวไม่ค่อย เขิน แต่ก็บอกให้รีบหอม
|
|
|
ถาม |
ต้องมีหอมแก้มใกล้ชิดกันขนาดนี้หนุ่มๆอย่างรอนมีเตรียมตัวอะไร
เป็นพิเศษในฉากนี้รึเปล่า
|
|
เป็นคนไม่ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว แต่วันนั้นก็แค่ไม่พยายามทานส้มตำปลาร้า แต่นางเอกจะจัดเต็มตลอด แกล้งตลอด ไปถ่ายทำครั้งนี้ ได้มีโอกาสอยู่กับ ชาวบ้าน ชาวบ้านก็จัดปลาร้าตลอด อร่อยมาก ผมเป็นคนที่ทานปลาร้าอยู่แล้ว มันเป็นรสชาวบ้าน มันจะไม่เหมือนรสชาติในเมืองกรุง พอกินแล้วได้อารมณ์ จริงๆ ติดใจมาก พอไปก็เดินไปหายายที่เป็นเจ้าของบ้าน เขาก็จะตำนู่นนี่มาให้ ไม่กินมีงอน ป้าเขาจะงอน เขาจะบอกอันนี้สำหรับพระเอก อันนี้สำหรับนางเอก อันนี้สำหรับผู้กำกับ เขาจะเดินมาเช็คว่ากินของเขาไหม ถ้าไม่กินงอนเลย ต้องพูดให้เขาได้ยินว่าเดี๋ยวเอาใส่ถุงเอากลับไปกินที่โรงแรม เขาจะได้ไม่น้อยใจ เดี๋ยวเขางอน (หัวเราะ)
|
ถาม |
เล่นหนังเรื่อง “อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง” ไม่ได้มีแค่ฉากกุ๊กกิ๊กโรแมนติค อย่างเดียว ยังมีฉากอารมณ์ด้วย
|
|
มาถึงฉากดราม่า ฉากที่ต้องเค้นอารมณ์ อันนี้เป็นอีกฉากที่รอนเครียดเหมือนกัน คือฉากเป่าแคน ตัวพระเอกต้องเป่าแคนเพื่อเป็นการสื่ออารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ทุกข์ สุข เศร้า ก็จะต้องเป่าแคน แล้วก็มีฉากที่ต้องเป่าแล้วซึ้งด้วย ต้องเล่นไปแล้วดราม่า เป่าไปก็กังวล ไหนจะมุมกล้อง แล้วก็ต้องอยู่ในอารมณ์ ของการแสดงความรู้สึกด้วย พูดเรื่องการเป่าแคนก่อน แคนจะมีทั้งดูดและเป่า แล้วไหนจะต้องปิดรูด้วยไหม พี่เก่งผกก.ก็จะให้วิธีการเป่าแคนมาเป็นยูทูปเลย
|
|
|
|
|
|
ส่วนซีนที่เราต้องแสดงอารมณ์ดราม่าก็เยอะ หลังๆ เริ่มเข้มข้น มันก็เป็นอารมณ์ที่เราต้องรู้สึก แต่ว่าก็ได้พี่ๆนักแสดงเก่งๆ อย่างอาปิยะ,อาไก่ ปริศนา, พี่เหลือเฟือ, พี่เปิ้ล ฯลฯ ที่เขาส่งอารมณ์มาให้ พอเราดู ได้ร่วมซีนก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของพี่ๆ ถึงเราจะพอมีพื้นฐานมาบ้าง แต่ก็ต้องไปเอาจากหน้างานบ้าง และได้ประสบการณ์เพิ่มเติม ก็ท้าทายดี หรืออย่างตอนที่ถ่ายเจาะ ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างแววดาวกับบุญมาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ถ่ายย้อนไปตอนเด็กๆ ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บุญมากกับแววดาวว่ามีพัฒนาการเป็นมาอย่างไร อันนั้นก็น่ารักมากสนุกด้วย ด้วยความที่เราผ่านการถ่ายทำมาจนหนังจะจบแล้ว เรารู้ว่ามันเหลือแค่นี้แล้ว ความรู้สึกที่มันจะเสร็จแล้ว แล้วเหลือฉากที่มันตลกๆ เราก็รู้สึกว่ามันสนุกดี ความรู้สึกที่ต้องพอนึกว่า จะกลับไปพบกับบรรยากาศกองถ่ายอีกครั้ง เหมือนกลับว่าเราไม่ต้องเครียดเรื่องภาษาแล้ว ไม่ต้องเครียดเรื่องคาแรกเตอร์แล้ว เหมือนเราผ่านมาแล้วเราก็รู้มากขึ้น แต่ว่าก็เกร็งเพราะพี่อุ๋ยนนทรีย์ ไปนั่งดูด้วย ตอนแรกไม่รู้ว่าพี่เขาจะมา เพราะตอนแรก จะมีแต่พี่เก่งชิโนเรศผู้กำกับจะคอยดู แต่พอกลับไปปรากฎว่าพี่อุ๋ยมาดูด้วยแต่พี่เขาคงไม่รู้หรอกว่าผมเกร็ง เกร็งนิดๆ เวลาพี่เขามาอยู่หน้าฉาก แต่ว่าก็ผ่านไปได้ด้วยดี และที่สำคัญต้องย้อนกลับไปเป็นเด็กอายุ 17 ด้วยส่วนพี่เปรี้ยวต้องเล่นเป็น แววดาวตอนอายุ 14 ซึ่งผมบอกได้ว่าให้รอดูทรงผมพี่เปรี้ยวตลกมาก (หัวเราะ) คือพี่เปรี้ยวทำผมเสร็จ พอเข้าฉาก ผมขำก่อนเลย เป็นทรงผมเด็กนักเรียนด้วยความที่พี่เปรี้ยวเป็นคนที่สนุกสนานร่าเริงไม่ว่าจะยิ้ม พอมาทำผมแบบนี้คือขำเลย เช็คมอนิเตอร์คือขำกันหมดทั้งกอง ดูแล้วน่ารักดี
|
ถาม |
พูดถึงหนัง “อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง”
|
|
สำหรับหนังเรื่อง อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง ฟังชื่อ เอ๊ะอะไร หนังอีสาน มันจะน่าเบื่อไหม พอมีโอกาสได้เห็นบท ได้เห็นการถ่ายทำ ได้ดู ได้เข้ามา เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ รอนพูดได้เลยว่า หนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่ น่าสนใจมาก มันสะท้อนให้เห็นมุมมองของชาวอีสาน เขาใช้ชีวิตอยู่ยังไง การทำบุญ หรือการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แล้วก็เรื่องนี้มันจะมีเรื่องเศรษฐกิจ พอเพียงเข้ามาด้วย ถ้าเรารู้จักพอ มันจะอยู่ได้อย่างมีความสุข แล้วก็ชาวอีสานที่คิดจะหาสามีเป็นฝรั่ง ถ้าคิดว่ามีสามีเป็นฝรั่งแล้วมีเงิน เรื่องนี้ก็ทำให้รู้เลยว่า จริงๆ แล้วฝรั่งดีก็มี ฝรั่งไม่ดีก็มี เพราะฉะนั้น ก็อยู่ที่คน 2 คน มาเจอกันแล้วมันจะคลิ๊กกันหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าคุณมีแฟน เป็นฝรั่งแล้วคุณจะรวย คุณจะมีเงิน แล้วก็ไม่ได้แค่เป็นหนังที่โรแมนติก แต่มันมีคอมมิดี้แล้วก็มีดราม่ามารวมอยู่ด้วย อยากให้มาดูและติดตามกัน เป็นหนังอีสานที่สะท้อนมุมมองมากๆเลย และที่สำคัญที่คนจะพูดกันว่า หนังจะดีได้อยู่ที่บท รับรองได้เลยว่าหนังดีแน่นอน
|
|
|
|
หนังเรื่องนี้ตัวบทชนะเลิศ โครงการไทยแลนด์สคริปต์โปรเจ็กต์ที่จัดโดย พี่อุ๋ย นนทรีย์ พี่ต้อม เป็นเอก จากจำนวนที่ส่งเข้ามาทั้งหมดมี 900 ทรีทเมนต์ มีรางวัลการันตีขนาดนี้ เลยไม่อยากให้คนมาคิดว่ามันแค่หนังอีสาน อยากให้ลองมาดูว่าทำไมบทของหนังเรื่องนี้ถึงได้รับรางวัลไทยแลนด์สคริปต์ โปรเจ็กต์ ก็อยากให้ลองดู รับรองหลายๆ คนที่ดูแล้วต้องบอกว่าสมแล้วที่ได้รับรางวัล มาถึงผู้กำกับของเรา พี่เก่ง ชิโนเรศ ผม มาเล่นหนังเรื่องแรก ก็ไม่รู้ว่าผู้กำกับ คนไหนอะไรยังไง แต่พี่เก่งน่ารักมาก พี่เก่งใจดี เป็นคนที่ทำงานแล้วด้วยสบายใจ มีอะไรก็จะบอกเลย ทำแบบนี้นะอย่างนี้นะ ทำงานด้วยแล้วไม่เกร็งเลย รู้สึกว่า มาเจอผู้กำกับแล้วผู้กำกับต้องเหี้ยมๆ เพราะต้องคุมงานด้วยอะไรด้วย แต่พี่เก่ง ไม่ใช่เลย พี่เก่งเป็นคนที่น่ารักมากๆ แล้วดูแลผมได้ดีด้วย รวมทั้งการที่ได้ร่วมงาน กับนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เขาเรียกว่าดารารุ่นเดอะหลายคนมาก ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็น คนที่ผมได้เคยเห็นตอนเด็กๆ ผ่านหน้าจอต่างๆ
|
|
|
|
|
|
ไม่ว่าจะเป็นอาปิยะ อานพดล อาปริศนา หรือพี่รุ้ง พี่เหลือ พี่ยาว ผมก็โห !! แล้ววันนี้ตัวเองได้มีโอกาสร่วมงานด้วย ได้มีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนม ทำงานด้วยกันแล้วก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้วผมตื่นเต้นมากเลย ไม่น่าเชื่อยังคุยกับแม่เลยว่า วันหนึ่ง ได้มาร่วมงานกับบุคคลเหล่านี้ ดีใจครับ ได้เข้าฉากกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเข้าฉากแล้วก็มีทะเลาะกันด้วยอย่างพี่เหลือเฟือ อาปิยะเล่นเป็นคุณพ่อเรา ก็รู้สึกตื่นเต้น ฉากแรกที่ผมถ่ายเป็นฉากที่เข้าร่วมกับอาปิยะ ถ่ายที่ร้อยเอ็ด แล้วก็อาไก่ อาไก่สวย อยู่เลยครับ ก็ถามคุณแม่เมื่อก่อนคุณอาเขาดังมากๆ เลยใช่ไหม ย่าก็บอกดังมาก สวยด้วย พอมาเจอ เราก็รู้สึก คุณอายังสวย อยู่เลยครับ เรายังถามเลยดูแลตัวเองยังไง เขาก็บอก อ๋อเรื่องอาหารการกินอะไรประมาณนี้ แล้วก็เจอพี่รุ้ง หนูหิ่นของเรานั่นเอง ก็ตื่นเต้นไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาได้มาคลุกคลีอยู่ด้วย พี่ๆทุกคนน่ารักและมีความเป็นกันเองมาก และก็มีดาราอาวุโส คนหนึ่ง คืออานพดล อานพดลก็จะสอนเรื่องเวลาการพูดอีสาน เพราะอาเขาจะช่ำชองมาก มีแหล่มีร้องเพลงคุณอาเขาจะไหลลื่นมาก ก็รู้สึกดีใจและก็ได้เป็นประสบการณ์ที่ชีวิตหนึ่งหนังเรื่องแรกของเราก็ได้ร่วมงานกับบุคคลเหล่านี้
|
|
ถาม |
มาถึงตรงนี้ได้เล่นหนังแล้วรู้สึกติดใจไหม
|
|
ติดใจครับ อย่างที่บอกไปตัวผมเองก็ชอบงานการแสดงอยู่แล้ว เรื่องบทใน ความรู้สึก ผมมันเป็นเรื่องละเอียด ก็อาจจะยังไม่รู้ว่า อยากเล่นบทแบบไหน แต่อยากได้บทที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะกับคาแรกเตอร์ของเรา เพราะว่าถ้าบอกว่า อยากเล่นแบบไหนผมก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไง สมมติถ้าบอกว่าอยากเป็นพระเอก ก็ต้องบอกอีกว่าเป็นพระเอกแบบไหนแนวไหน ก็แล้วแต่ละกันว่าตัวเราจะเหมาะ กับงานตัวไหนที่ผู้ใหญ่เขาเห็นความสามารถเราสามารถเล่นได้ มันเข้ากับ คาแรกเตอร์ ต้องดูอีกทีว่าเรามีความสามารถที่จะเล่นได้แค่ไหน สำหรับผมแล้ว ชีวิตถามว่าเปลี่ยนไหม เปลี่ยนแน่นอน ได้มีโอกาสมาทำงานในสิ่งที่เรารัก จากตอนแรกไม่ได้คิดว่าเราจะมีโอกาสมาทำด้านการแสดง แต่เรามาในสาย นักร้องรักในการร้องเพลง พอถึงๆ จุดๆ หนึ่งมีผู้ใหญ่มาเห็นว่าลองให้โอกาส น้องตรงนี้ดู แล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีพอเราเริ่มทำเราก็รู้ว่ามันเป็นศาสตร์ที่มีเสน่ห์ ก็ดีใจที่มีโอกาสได้มาทำงานตรงนี้
|
|
|
ถาม |
ท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานหนังเรื่องแรก
|
|
ยังไงก็ขอฝากหนังเรื่องแรกของรอนกับพี่เปรี้ยวด้วยนะครับ ไม่อยากให้มองว่าผมกับพี่เปรี้ยวเป็นเด็ก AF แล้วจะมีหนังเรื่องนี้ เกิดขึ้น หรือหนังเรื่องนี้น่ะหรอ เด็ก AF อีกแล้ว มาเล่นด้วยกัน คือต้องบอกว่าสำหรับ อีนางเอ๊ย...เขยฝรั่ง ก่อนหน้านี้ พี่เปรี้ยวมาแคสติ้งก่อน แล้วพี่เปรี้ยวถูกวางตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพระพี่เปรี้ยวคือนางเอกที่เหมาะกับคาแรกเตอร์นี้สุดแล้ว แล้วทีมงานถึงค่อยมาหาพระเอกกัน ซึ่งพี่เปรี้ยวได้ก่อนผมนานมากๆแล้ว ทางทีมงานก็บอกว่าหาพระเอก ที่เหมาะกับ คาแรกเตอร์นี้อยู่ จนโอกาสสุดท้าย ก่อนที่หนังจะเปิด ผมก็ได้มีโอกาสแคสติ้ง แล้วก็เป็นผมที่เป็นเด็ก AF ด้วยกัน ไม่อยากให้มองว่าได้มาเพราะเป็น AF อยากให้ลองมาดูเลยว่าตัวคาแรกเตอร์นี้มันเหมาะกับผมและพี่เปรี้ยวจริงๆ อย่างพี่เปรี้ยวชัดเจน เวลามานั่งเช็คดูแล้วผมจะดูเลยว่าบทนี้พี่เปรี้ยวเล่นแล้วน่ารัก เป็นบทผู้หญิงที่น่ารักมากๆซึ่งเหมาะกับ ตัวพี่เปรี้ยว ตัวผมเองก็ได้มีโอกาสมาเป็นหนุ่มอีสานไฟแรง และก็ได้มาคู่กัน ก็อยากจะฝากเพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผม กับพี่เปรี้ยว เราสองคนตั้งใจกันมากๆแล้วอยู่บนพื้นฐาน 3 อย่างคือความตั้งใจ ความเต็มที่ของ นักแสดง, พี่เก่งชิโนเรศ ผู้กำกับ และตัวหนังที่คว้ารางวัลบทยอดเยี่ยมไทยแลนด์สคริปต์โปรเจ็กต์ซึ่งมีแง่คิดที่หยิบเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในภาคอีสานของเรา ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ทุกอย่างในโลกจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ตัวเรา ถ้าเรารู้จักพอ ความพอเพียงก็มีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตด้วย คือหนังเรื่องนี้หยิบเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง มาปรับใช้ในบทอย่างเห็นได้ชัดเลยถ้าใครมีโอกาสได้ดู แล้วอยากจะฝากทุกคนว่าหนังเรื่องนี้รับรองว่าสนุกสนานแน่นอน
|
|
|
* ดูประวัติ รอน AF5 ภัทรภณ โตอุ่น
* ดูอัลบั้มรูป รอน AF5 ภัทรภณ โตอุ่น
|
|