'ใบเตย' คิดบวก...คำวิจารณ์เป็นแรงผลัก
บนเส้นทางสายลูกทุ่งสมัยใหม่กว่า 3 ปี ของนักร้องสาวสุดฮอต ใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน หรือ ใบเตย อาร์สยาม ที่เส้นทางที่เธอเดินผ่านมาเจอทั้งประสบความสำเร็จที่สุด มาจนถึงจุดที่วิกฤติที่สุดในชีวิตให้ได้ยินมาตลอด วันเวลาผ่านไปใบเตยยังสามารถยืนหยัดได้ด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม หลายคนอยากรู้เธอมีมุมมองในชีวิตอย่างไรให้คิดบวกอย่างมีความสุขทั้งเรื่องงาน และความรักจากหวานใจ ดีเจแมน-พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา ที่หลายคนมองว่ายังไงก็ไปด้วยกันไม่รอด “ดาวต่างมุม” ชวนใบเตยมาพูดคุยสบาย ๆ เพื่อเปิดใจทุกเรื่องให้ฟังจ้า
ที่มา : ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ปีนี้ใบเตยอยู่วงการมากี่ปีแล้วชีวิตเป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนี้หนูอยู่วงการมา 3 ปีแล้ว ทุกอย่างเป็นเวลาที่ดีมากสำหรับเรา ชีวิตเปลี่ยนไป คือ ไม่ได้ดูทีวีตามปกติเลย ไม่เคยได้นอนตื่นสาย ไม่เคยได้นอนยาว ๆ ต้องขึ้นเครื่อง ตื่นนอนแต่งหน้า ทำผม ชีวิตเป็นแบบนี้ตลอด 3 ปีแต่มีความสุข หนูรักในงานนี้ แต่เพราะงานหนักมากเลยทำให้สุขภาพแย่บ่อยตลอดปีที่แล้ว เราทำงานหนักจริง ๆ เพราะไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการ แต่พอปีนี้ลงตัวแล้วเราวางแผนอย่างดีเลยยังไม่ป่วย ต้องขอเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์) ด้วยทำงานอาทิตย์ละ 4 วัน พฤ-อ. ที่เหลือขอพักผ่อน จริง ๆ ปีนี้ใบเตยว่างตั้งแต่ปีใหม่คิดจะกลับไปเรียนให้จบ เรื่องเรียนเราไม่ทิ้งแน่นอน แต่เผอิญมีโปรเจคท์ทำคู่พี่กิ๊บซี่ (วนิดา เติมธนาภรณ์) เลยยาวซะแล้วค่ะ “งานต่อเนื่องเลยเป็นที่มาของคำว่า “ลูกรักเฮียฮ้อ”? “หนูชอบเลยค่ะ ต้องขอบคุณมาก แต่เฮียรักทุกคนในค่ายนะ เพราะเราเป็นครอบครัว เพียงแต่ปีที่แล้วจังหวะงานเราดี แฟนเพลงให้การตอบรับดี เลยทำให้มีงานเยอะหน่อย ปีที่แล้วมีเพลง “แน่นอก” กับ “วงทรีทูวัน” แล้วเพลงดัง เฮียคงมองว่าเรามีดวงผูกกับคนอื่นได้ เลยมาจับคู่หนูกับพี่กิ๊บซี่ในเพลง “อย่ามโน” เฮียคงดูเราคล้าย ๆ กันในสไตล์นุ่งสั้นด้วยมั้งคะ (หัวเราะ) เพลงนี้จะทันสมัย เราไม่คาดหวัง แต่ขอทำเต็มที่ ได้ร่วมงานกับพี่กิ๊บซี่ก็สนุกมาก นิยามที่หนูมอบให้เขาคือเซ็กซี่ ทำอะไรก็เซ็กซี่"
เพลงใหม่ ชุด ท่าเต้น ก็ยังมีกระแสวิจารณ์แง่ลบเยอะ?
"แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ไม่มีชุดไหนไม่โดนว่า เราเตรียมรับมืออยู่แล้วแค่เห็นชุดเราก็รู้เลย ฉันโดนแน่ แต่มันก็คือสไตล์เราที่ทำงานมา 3 ปี ภาพเราก็ชัด คนดูก็จำได้ ความจริงเราอยากให้มองว่าเป็นการทำงาน ทั้งการนุ่งสั้นเสมอหู หรือเต้นเซ็กซี่หน่อย ๆ ถ้าใบเตยใส่ชุดแบบนี้ไปวัดค่อยมาเกลียดกัน แต่นี่ใส่ขึ้นคอนเสิร์ต ใส่ถ่ายเอ็มวี ออกงาน ชีวิตประจำของเราไม่ได้ใส่แบบนั้นตลอดเวลา"
การแต่งตัวสั้นเสมอหูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ?
"ตอนแรกไม่เคยมองว่าเป็นส่วนหนึ่ง จนมาโดนคนด่าเรา ก็เริ่มเข้าใจแล้วนี่คือส่วนหนึ่งของชีวิตแล้วล่ะ ทุกวันนี้ก็ยังโดนด่า จะกี่เพลงก็ตามมาด่าเราตลอด ตอนแรก ๆ ที่เข้ามาเป็นนักร้องจะรู้สึกเครียดมาก ตกใจ หนัก ๆ คือด่าว่าทำวงการลูกทุ่งเสื่อม ตอนนี้เบาลงมากแล้ว ด่าก็มองไปว่าเขาชมเรา"
อะไรทำให้มองแง่บวกได้ขนาดนี้?
"ใบเตยมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติของคนในสังคม คนไทยเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสงสัยโดยพื้นฐาน ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยเปิดให้แสดงความคิดเห็นได้ คนก็มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นได้เยอะเป็นธรรมดา แต่ดีหรือไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนใหญ่คนไทยปากไม่ตรงกับใจ บางคนด่าเรามาก แต่ก็ตามดูผลงานเรา แต่งตัวเลียนแบบเราด้วยก็มี เราเลยเข้าใจ ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องเลวร้ายในชีวิต มองให้เป็นสีสันมากกว่า แต่ตัวตนจริง ๆ เราไม่ใช่คนเซ็กซี่ เราก็เป็นผู้หญิงธรรมดา แต่มุมเซ็กซี่ก็มีตามประสาผู้หญิงแต่งตัว อย่างวันไหนใส่ขายาวก็แอบปิดข้างบนบ้าง เวลาโดนวิจารณ์คุณพ่อหนูจะชิลมาก ๆ บอกตลอดไม่เป็นไร ซึ่งใบเตยคงเหมือนพ่อแหละ ไม่เคยร้องไห้เพราะโดนด่า แต่เรื่องที่ทำให้ร้องไห้คือการถูกเอาไปโยงเรื่องการเมืองที่โดนด่าหนัก แต่เราร้องไห้เพราะกลัวทำคนอื่นหรือบริษัทเดือดร้อน เรื่องนี้เป็นเรื่องหนักอีกเรื่องที่เข้ามา แต่ทุกอย่างก็ผ่านไป ถ้าคนรู้ว่าเราไม่ได้เป็น หรือไม่ได้ทำแบบนั้น"
กับแฟนคลับที่แอนตี้ก็ไม่คาดหวังให้เขามองเราอีกมุม?
"ไม่คาดหวังแล้วค่ะ ถือเป็นแรงผลักดันที่ทำให้หนูรู้สึกอยากพัฒนางานมากขึ้น ต้องขอบคุณคนที่ไม่ชอบเราที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเยอะ คำด่าทุกคำตอนนี้อ่านแล้วขำ ไม่ใช่อ่านแล้วต้องด่ากลับ แต่ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้นว่าโลกมีความหลากหลาย คนเราก็เช่นเดียวกันต่างคนต่างจิตใจ เรารู้สึกโตขึ้นจริง ๆ นิ่งมากขึ้น รับอะไรที่ดีและไม่ดีได้มากขึ้น ไม่ใจร้อนเลย ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของเราทั้งงาน ความรัก ถ้าต้องผิดหวังกับอะไรรับมือได้ เรามองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ทุกอย่างต้องมีทางออกเสมอ"
ปีนี้อายุครบ 25 ปี เป็นเบญจเพสกังวลอะไรหรือเปล่า?
"ไม่เลยค่ะ ใบเตยมองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เดี๋ยวจะไปทำบุญใหญ่ เพิ่งดูหมอเขาบอกว่า ปีนี้จะเป็นเบญจเพสที่ทำให้ชีวิตรุ่งเรือง ไม่อับเฉาหรืออันตรายใด ๆ เราก็โอเค แต่ก็ต้องทำบุญเพื่อความสบายใจ ล่าสุดพี่แมนพาไปสักคิ้ว 9 มิติกับหมอท่านหนึ่ง เขาเชื่ออะไรแบบนี้ เขาสักแล้วดูดวงชะตาเราไปสัก 5 นาที แต่เจ็บมากสักด้วยกันทั้งคู่ พี่แมนก็บอกว่าเขาก็ไม่คิดว่าจะเชื่ออะไรแบบนี้ แต่หมอคนนี้ไม่ทำให้ใครง่าย ๆ และใครที่เดินทางมาทำด้วยกันแบบนี้ เพราะดวงจริง ๆ ทำไว้ก็ไม่เสียหายก็แปลกดีค่ะ"
สิ่งที่เรียนรู้จากการอยู่วงการมีเรื่องอะไรบ้าง?
"มองว่าการใช้ชีวิตในวงการยาก แต่ไม่เกินจะเป็นตัวเรา เพราะความเป็น “ใบเตย อาร์สยาม” มีแบบนี้คนเดียวในโลกนะ ใครพยายามจะเหมือนแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เราเป็นตัวของตัวเอง ใบเตยจะถูกน้องรุ่นใหม่ ๆ ถามเสมอทำยังไงจะมีชื่อเสียงแบบเรา เราไม่สามารถบอกได้ แต่ถ้าเราค้นหาความเป็นตัวเองของเราเจอ มันก็สามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ เราชัดเจน ซื่อสัตย์กับตัวเอง ศรัทธาคนที่ร่วมงาน แล้วก็ต้องอดทน กตัญญู"
เรื่องความกตัญญูหลายคนก็ชื่นชมที่พยายามทำงานหาเงิน?
"เราไม่ได้พยายามนะ แต่มันคือความตั้งใจ เรามาอยู่ตรงนี้ด้วยตัวเอง มาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวมาเซ็นสัญญากับอาร์เอส แล้วใบเตยบอกกับตัวเองเสมอ ไม่ว่าอะไรในชีวิตของเราจะล่มสลายแค่ไหนก็ตาม แต่ใบเตยจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ และสิ่งนี้คือแรงผลักดันเรา ให้ทำงานเพลงให้ทุกคนฟังมาจนถึงทุกวันนี้ ยังงง ๆ ว่าเราสามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้ยังไง แต่ด้วยความที่เราไม่งอแง ไม่เรื่องมาก ถึงมีชื่อเสียงขนาดนี้ก็ตาม คนที่โดนด่าว่าเรื่องมาก เรื่องเยอะ เพราะว่าอยากให้งานของเราออกมาดี เสื้อผ้า หน้า ผม ผู้จัดการต้องพร้อมถ้าทำได้งานก็จะออกมาดี เพื่อแฟนเพลงที่อยากเห็นเราสวยงาม"
3 ปีมานี้เคยมีมุมที่ทำให้หลงไปกับการมีชื่อเสียงมั้ย?
"ไม่มีเลยค่ะ เรื่องเดียวที่หลงระเริงของใบเตยคือการใช้เงิน คนก็มาว่าเราเยอะอีกแล้ว จริง ๆ อยากให้ดูที่รายได้เรา แต่ก่อนรายได้เรา 3 พันบาทเราก็ใช้น้อย แต่ ณ วันนี้เราหาเงินได้ก็อยากซื้อของตามประสาบ้าง ไม่ใช่ว่ารวยแล้วอยากได้อยากมี แต่เป็นธรรมดาเราหาเงินได้เองไม่ได้เดือดร้อนใคร ซื้อเองภูมิใจมากกว่าไม่ต้องขอพ่อแม่ อย่างบ้านที่ซื้อให้พ่อแม่ก็ภูมิใจ เพราะแม่พูดเสมอว่าคุณยายคุณตาที่เสียชีวิตไปไม่เคยมีบ้านของตัวเอง เราต้องมีบ้านของตัวเองให้ได้ วันหนึ่งทำได้ก็ภูมิใจ เพราะเราไม่เหนื่อยแต่เป็นการทำความฝันให้เป็นจริงได้"
ทุกวันต้องรักษามาตรฐานอย่างไร?
"อย่างแรกคือมีความเป็นตัวเอง กตัญญูรู้คุณคน แล้วต้องจำคนให้ได้ ใครเป็นใคร เสมอต้นเสมอปลายให้ได้มากที่สุด ซึ่งทุกวันนี้เรายังโดนคนว่าอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว โลกมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว เราไม่สามารถทำให้คนรัก หรือเอาใจคนทั้งโลกได้ แต่แค่พ่อ แม่ ครอบครัวเข้าใจเราก็พอ"
ความรักกับดีเจแมนก็ดีลงตัวทั้งที่หลายคนบอกว่า ไม่รอดแน่ ๆ?
"ใช่ค่ะทุกอย่างดีขึ้น เพราะไม่เคยเจอคนดีแบบนี้ ซึ่งพี่เขาไม่ได้ดีทุกอย่าง แต่เราเคยเจอคนที่เลวร้ายกว่ามาก ๆ พอมาเจอพี่แมนมันดีตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ ผู้ชายต้องรอถ้าเรามีหน้าที่การงานที่โอเค พี่เขาก็บอกเสมอว่าหนูไม่ต้องรีบนะ ชีวิตกำลังไปได้สวย เราก็ดีใจไม่เคยได้ยินคำพูดจากใครแบบนี้มาก่อน พี่แมนเป็นคนเข้าใจ เพราะเขามีครอบครัวมีคุณแม่ที่มีอาชีพตรงกับเรา เวลาเราเจอเรื่องไม่ดีที่ผ่านมา พี่เขาปกป้องเรามาตลอดจริง ๆ แต่ยังมีอะไรที่ต้องปรับเยอะมากค่ะ ต้องอดทน ปรับตัว เราก็ค่อย ๆ ดูแลเขา พาไปทานข้าวให้ตรงเวลา ซึ่งเขาพักผ่อนไม่ค่อยพอ เพราะชอบไปขับมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์ถึงเช้า แล้วมาจัดรายการวิทยุต่อ ก็เคยซ้อนท้ายด้วยนะ ไม่เอาแล้ว กลัวมาก เจ็บก้นด้วย (หัวเราะ) อยากให้ขายมาก แต่เขาก็จะแย้งเราที่เราซื้อกระเป๋าแพง ๆ ความชอบเราก็ต่างกันแต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องเซ็กซี่เขาหวงมาก แต่นี่เป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชายไง แต่ลืมคิดว่าวันที่เจอเรา ก็เห็นเราจากรายการที่เราออกไปแล้วเซ็กซี่ ๆ แล้วมาดูอินสตาแกรมเราแล้วกดไลค์แต่รูปที่เราใส่ชุดว่ายน้ำ เธอลืมวันนั้นไปแล้ว พอมารักกัน จะมาหวงโป๊มากไม่เอา ห้ามใส่ เขาขอเราบ่อย ถ้าไปไหนด้วยกันห้ามหมด ไม่ชอบให้คนมอง แต่เขาชอบมองคนอื่นคืออะไร หลัง ๆ เขาก็ปล่อย"
ย้อนไปความรักกับดีเจแมนเริ่มต้นยังไง?
"ย้อนไป 2 ปีก่อน เขาเข้ามากดไลค์ คอมเมนต์อินสตาแกรมหนูทุกวัน เราก็ เอ๊ะ! ตานี่ใครเนี่ย พอคลิกเข้าไป ก็รู้สึกหล่อดีเนอะ ชอบผู้ชายแบบนี้อยู่แล้ว (หัวเราะ) จากนั้นหนูไปคอมเมนต์พี่เขา ขอไลน์อยากติดต่องานให้มาเล่นเอ็มวี เขาก็ให้ไลน์มาเลย ก็ได้คุยกันพี่เขาก็บอกหนูน่ารักจังเลย เราก็ เอ๊ะ! เอาแล้วไง ใจเต้น ถามกลับเลยพี่จะจีบหนูใช่หรือเปล่า เขาก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่าขอเบอร์เราหน่อยพี่พิมพ์ไม่ค่อยเก่ง มุกลุงมาก ทั้งที่ไปคอมเมนต์สาว ๆ เอฟเอชเอ็ม เซ็กซี่ ๆ ในไอจีตลอด เลยแลกเบอร์กันเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้คุยกันมาจนทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ประทับใจคือวันแรกที่คบกันจะโทรฯ หา เช้า เที่ยง เย็นยังไง ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ เราเป็นคนไม่ตาม ไม่จิกด้วย และที่สำคัญหนูประทับใจตอนที่หนูไปหาพี่เขาที่คลื่นวิทยุจนเป็นข่าว พี่เขาก็ออกมายอมรับว่าเราคบกัน ซึ่งที่ผ่านมาเจอแต่คนไม่ชัดเจนค่ะ ตอนแรกก็กลัวต้องมานั่งปิดบังหรือเปล่า เราก็เป็นคนแอ๊บไม่เป็น คนมีหัวใจ มีความรู้สึก ความรักไม่ได้ทำให้เราดูแย่ ทุกคนเอ็นดูแล้วเข้าใจ ทุกวันนี้แฮปปี้มาก เพราะคุณแม่พี่แมนน่ารัก ส่วนครอบครัวเราตอนแรกคุณพ่อไม่ชอบเลย แต่พี่แมนเป็นผู้ชายคนแรกที่กล้าเข้ามาถึงบ้านเพื่อเจอพ่อ ตอนนี้เลยไฟเขียวไว้วางใจระดับหนึ่ง แต่ก็เลยไม่คาดหวังกับความรัก ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นก็เป็นไป ห้ามไม่ได้ แต่ขอทำทุกวันให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ"
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนคลับที่รักเรา และคนที่ยังแอนตี้เราอยู่บ้าง?
"ก็ขอตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพื่อความสุขของผู้ฟังทั้งงานเพลง หรืองานแสดงในอนาคต ส่วนใครที่ไม่ชอบเราก็มีสิทธิติเตียนได้ไม่เคยโกรธ ทุกคอมเมนต์ส่วนใหญ่ก็ได้อ่าน แต่อยากให้คุณมองโลกหลาย ๆ มุม มองความเป็นเราหลายด้าน ไม่ใช่มองว่าใส่ชุดสั้นแล้วต้องเกลียด ถ้าหนูใส่สั้นแต่ไม่ทำมาหากินก็ว่าได้ แต่นี่เราทำงาน เราเหนื่อย ทำเพื่อหลาย ๆ คน ทั้งครอบครัวและแฟนเพลงมาก ก็อยากให้ทุกคนให้กำลังใจเราต่อไป ใครที่เกลียดก็เกลียดไป แต่อันไหนเปิดใจรับได้ก็อยากให้ลองเปิดใจดูค่ะ"
สัมภาษณ์เสร็จก็รู้เลยว่าสาวใบเตยโตขึ้นมากกว่าเดิมจริง ๆ มีมุมมองชีวิตที่เจอแต่คนวิจารณ์ด่าทอด้วยการมองโลกอีกมุมไม่ให้ตัวเองทุกข์ได้ขนาดนี้ ก็หวังว่าแอนตี้ทั้งหลายจะเปิดใจให้ความรักสาวเก่งคนนี้บ้างนะจ๊ะ!!.
* ดูประวัติ ใบเตย - สุธีวัน ทวีสิน
* ดูอัลบั้ม ใบเตย - สุธีวัน ทวีสิน
|