'เซฟฟานี่' ขอแข่งกับตัวเอง ทำทุกโอกาสให้ดีที่สุด
เป็นน้องใหม่ของวงการอีกคนที่น่าจับตามอง สำหรับ สาวลูกครึ่งเชื้อสายไทย-ออสเตรีย เซฟ-เซฟฟานี่ อาวะนิค เพราะเพิ่งเซ็นสัญญากับทางช่อง 7 ได้เพียงแค่ปีเดียวก็มีละครออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกันถึง 3 เรื่องติด ทั้ง เจ้าสาวสลาตัน, คือหัตถาครองพิภพจบสากล และยมบาลเจ้าขา จนหลายคนมองว่าขึ้นแท่นลูกรักคนล่าสุด วันนี้ดาวต่างมุม เลยต้องขอนัดสาวเซฟมานั่งพูดคุย เพื่อให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น
ที่มา : ดาวต่างมุม เดลินิวส์
ตอนนี้ผลงานมีอะไรบ้าง?
"ที่ออนแอร์ตอนนี้ มีช่วงหลังข่าว จันทร์-อังคาร เรื่อง “เจ้าสาวสลาตัน” ค่ะ ศุกร์-อาทิตย์ เรี่อง “คือหัตถาครองพิภพจบสากล” ส่วนช่วง 6 โมงเย็น จันทร์-ศุกร์ มีเรื่อง “ยมบาลเจ้าขา” ค่ะ บทบาทแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกัน “ยมบาลเจ้าขา” รับบทเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ส่วนบทปรียาใน “เจ้าสาวสลาตัน” ก็จะร้องไห้เศร้าอยู่ตลอดเวลา ส่วนใน “คือหัตถาครองพิภพ” ก็รับบทเป็นพริ้มเพรา พี่สาวคนโต ต้องคอยสั่งสอนน้อง เวลามีอะไรก็ไม่ค่อยแสดงออกจะเก็บไว้ในใจ แต่เป็นความบังเอิญมากที่ละครมาออนแอร์ช่วงเดียวกัน ก็ตกใจเหมือนกัน ตอนนี้ดูตัวเองทุกวันเลย เพราะต้องดูว่าเราต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง ซึ่งเซฟคิดว่ายังต้องปรับปรุงอีกมาก เรื่อง “เจ้าสาวสลาตัน” ยังต้องปรับปรุงอีกเยอะค่ะ เพราะว่ามันยังดูแข็ง ๆ อันนี้คือความคิดส่วนตัว แต่บางคนก็บอกว่าโอเคแล้ว เพราะบทบาทค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ที่ได้ดูจะบอกว่าเรื่อง “คือหัตถา” น่าจะดีสุดแล้ว เพราะเราได้ประสบการณ์ที่เราได้มาจาก 2 เรื่องแรก ผู้ใหญ่ทางช่องเขาก็บอกว่าก็โอเค ถือว่าเล่นได้"
ได้ตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ มาตั้งแต่ปี 2009 แต่ทำไมเพิ่งมีผลงานในช่วงนี้?
"ตอนนั้นเซฟอายุ 15 ค่ะ อยู่ที่ชลบุรีค่ะ เรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเดอะรีเจนซ์ คุณพ่อเลยอยากให้เรียนจบก่อน แล้วค่อยย้ายมากรุงเทพฯ เพราะบ้านก็อยู่ไกลด้วย ถ้าเราต้องมาทำงาน มันก็จะลำบาก เซฟคิดว่าไม่ช้านะคะ เพราะเราต้องใช้เวลาในการ เตรียมพร้อมมากกว่าคนอื่น ตอนได้ตำแหน่งใหม่ ๆ ภาษาไทยเราไม่ชัดเลย แย่มาก แล้วก็เรียงคำไม่ค่อยถูก บางครั้งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจคำถาม แล้วเรื่องแอ๊คติ้งก็ไม่ได้เลย กว่าจะได้มาทำงาน เราก็หัดพูดบ่อย ๆ อ่านหนังสือภาษาไทยเยอะ ๆ มันก็ดีขึ้น ส่วนเรื่องแอ๊คติ้งเราก็เรียนรู้พื้นฐาน แล้วค่อยมาเก็บประสบการณ์หน้ากอง ตอนเด็ก ๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเล่นละคร จะได้เข้ามาในวงการ พอได้ตำแหน่งมิสทีนฯ แค่ได้ถ่ายแบบก็แฮปปี้แล้ว พอผู้ใหญ่อยากให้ลอง แอ๊คติ้งละครดู เราก็ลองดู ไหน ๆ ก็มีโอกาสแล้ว แต่พอได้เล่นมาเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่าเราชอบมันมากขึ้น รักมันมากขึ้น"
คนมองว่าผู้ใหญ่ค่อนข้างดันเรา มีละครพร้อมกัน 3 เรื่องเลย?
"ก็รู้สึกดีใจค่ะ ที่เขาเห็นความสามารถเรา เมื่อเขาให้โอกาสแล้ว เราก็จะทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่และดีที่สุดค่ะ สำหรับเรื่องสัญญากับ ช่อง 7 ก็เพิ่งเซ็นปีที่แล้วเองค่ะ หมดปี พ.ศ. 2560 ค่ะ เราเป็นน้องใหม่ก็ไม่คิดว่าจะได้ 3 เรื่องในปีเดียว ก็มีแต่คนแซวว่าละครออนทุกวันเลยนะ ผู้ใหญ่ก็บอกว่าให้เราเก็บประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ เซฟไม่แข่งกับคนอื่นค่ะ แข่งกับตัวเองมากกว่า เราต้องแก้ไขตรงไหน ก็พยายามพัฒนาตรงนั้น เราไม่เปรียบตัวเองกับคนอื่น เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรามาอยู่ในวงการนี้เราก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน เราอยากทำงานและประสบความสำเร็จ คือถ้าเราทำงานและครอบครัวแฮปปี้ก็พอแล้ว เงินมันไม่สำคัญ"
ตอนนี้ย้ายจากชลบุรีมาแล้ว?
"ตอนนี้พักอยู่ที่กรุงเทพฯ ค่ะ เพราะตอนอยู่พัทยาเราอยู่นอกเมือง พออยู่ในเมืองมันก็สะดวกดี ไปโน่นไปนี่ได้ง่าย อาจจะไกลจากมหาวิทยาลัยหน่อย แต่ก็ไม่แตกต่างเท่าไหร่ เพราะตอนถ่ายละครเราก็ต้องไปไกลอยู่แล้ว คุณแม่ก็มาอยู่ด้วยกันเลย ส่วนคุณพ่อจริง ๆ ทำงานอยู่ต่างประเทศค่ะ จะกลับมาปีละ 2-3 ครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ก็ทำงานที่เมืองไทยแล้ว แต่บ้านที่พัทยาก็ไม่มีใครอยู่เลย เราก็คิดถึงเหมือนกัน เพราะว่าไม่ได้กลับไปเลย เซฟเป็นลูกคนเดียว มันก็เหงานะคะ คุณพ่อจะมาหาปีละ 2-3 ครั้ง ช่วงแรก ๆ เราก็เศร้าว่าทำไมมาหาปีละ 2-3 ครั้ง แล้วทำไมพ่อคนอื่นเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา พอเราโตขึ้นเราก็เข้าใจ เริ่มชิน พอเขากลับมาเราก็จะแฮปปี้มาก ๆ ใช้เวลากับเขาให้มากที่สุด"
เรื่องการเรียนเป็นยังไงบ้าง?
"ตอนนี้เรียนคณะชีววิทยา ที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เราชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว หลายคนก็ถามว่าได้งานทางนี้แล้วทำไมไม่เรียนอะไรที่ง่าย ๆ เซฟก็ตอบไปว่าอยากเรียนในสิ่งที่เราชอบ ถ้าเราบังคับตัวเองในสิ่งที่ไม่ชอบมันก็จะออกมาไม่ดี เราก็คิดว่ายากก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็แฮปปี้กับการเรียนทางนี้ ส่วนเรื่องเกรดพูดตรง ๆ ว่าตอนยังไม่ทำงานก็ดีมาก ๆ ได้ 3.8 ค่ะ แต่พอทำงานมันก็มีขึ้นมีลงบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ก็ต้องทำใจ เราก็ไม่ซีเรียส คุณแม่ก็บอกว่าอย่าไปกดดันตัวเองมาก ส่วนเรื่องการแบ่งเวลา โชคดีที่เราทำงานช่วงแรก ๆ ปิดเทอมพอดี เลยได้ให้เวลากับละครได้เยอะ แต่พอเปิดเทอม เราก็ต้องลงเรียนช่วงเช้า แล้วช่วงสาย ๆ บ่าย ๆ ก็ไปถ่ายละคร ก็แบ่งครึ่งค่ะ เราแบ่งเวลาเองได้ ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ต้องขยันอ่านหนังสือเอง ต้องตั้งใจเรียนในห้องเรียน"
คิดว่าเรียนจบแล้ว อยากไปต่อยอดด้านนี้ไหม?
"ยังไม่แน่ใจค่ะ แรก ๆ เราอยากทำเกี่ยวกับพวกยา แต่ตอนนี้ยังสับสนว่าอยากเรียนทางด้านไหน คือตอนเด็ก ๆ เราก็ฝันอยากเป็นนักบิน พอโตขึ้นก็เปลี่ยนมาเป็นหมอ เพราะเราอยากช่วยเหลือคน อย่างตอนมีสึนามิเราก็ไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ ไปสอนหนังสือที่แม่ฮ่องสอน เรารู้สึกสนุกและเราชอบช่วยเหลือคน ส่วนงานในวงการก็ไม่มีแผนเหมือนกันค่ะ แล้วแต่ผู้ใหญ่ ถ้าเขาให้โอกาสอะไรมาเราก็รับ เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายสูงมาก ไม่อยากให้ความหวังตัวเอง"
ถามถึงความรักบ้าง ล่าสุดมีข่าวกับพี่วีรภาพ?
"อันนี้ตลกมากค่ะ นั่งดูทีวีอยู่ เราเห็นข่าวออกมา ก็เรียกแม่มาดู แม่ก็หัวเราะใหญ่เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก เราก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง คือเราไม่ได้รู้จักพี่เขาเป็นการส่วนตัว ร่วมงานครั้งแรกก็คือตอนที่ถ่ายปฏิทินช่อง 7 แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย แล้วก็ไม่เคยคุยกันเลย เซฟเป็นคนเงียบ ๆ อยู่แล้ว เวลาไปทำงานที่ไหนเราก็จะนิ่ง ๆ อยู่ในมุมของเรา ถ้าไม่มีใครคุยด้วยเราก็ไม่กล้าคุย กับข่าวนี้เราไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะมันก็ไม่จริง ถึงมีข่าวก็ยังใช้ชีวิตตามปกตินะคะ เราไม่ใช่คนชอบเที่ยวอยู่แล้ว ก็ไม่กลัว สมมุติถ้าข่าวออกมาแล้วไม่ใช่ความจริง เราก็ไม่ซีเรียสก็ขำ ๆ เดี๋ยวคนก็ลืมไป เพราะว่าเขาก็ไม่มีภาพออกมาว่าเราไปไหนด้วยกัน เราก็เข้าใจว่าในวงการบางทีมันก็มีข่าวที่จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง พูดต่อ ๆ กันไป"
มีหนุ่ม ๆ มาจีบบ้างไหม?
"ไม่มีเลยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะเรานิ่ง ๆเงียบ ๆ แต่ถามว่ามีคุย ๆ ไหม ก็ต้องมีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา คุณแม่เองก็ไม่ได้หวง เขาก็บอกว่าถ้าจะมีก็ไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แค่ทำงานกับเรียนเวลาก็หมดแล้ว เวลาจะนอนยังไม่มีเลยค่ะ ส่วนเรื่องสเปก ไม่มีค่ะ จะดูนิสัยมากกว่า เซฟชอบคนตลก ไม่ซีเรียส ไม่ชอบคนขี้เกียจ ชอบคนขยัน แต่เซฟเป็นคนไว้ใจคนยากค่ะ ขนาดเป็นเพื่อนกันกว่าจะไว้ใจได้ยังใช้เวลานานเหมือนกัน"
คติที่ใช้ในการดำเนินชีวิต?
"มีอยู่อันหนึ่งค่ะ เป็นคำคมภาษาอังกฤษติดไว้ที่บ้าน ประมาณว่าอย่าท้อ ถ้าเราล้มแล้วไม่ลุกขึ้นมา เรานอนอยู่ตรงนั้นเราก็ไม่ไปไหนอยู่ดี แต่อย่างน้อยถ้าเราลุกขึ้นมาสู้ใหม่ เราก็มีความหวังว่าเรายังเดินขึ้นไปชั้นต่อไปได้"
สุดท้ายเราอยากจะฝากไว้ให้คิดว่า “โอกาส”อาจจะเป็นสิ่งที่ทุกคนมีไม่เท่ากัน แต่เมื่อได้รับแล้วเราต้องทำทุกโอกาสให้ดีที่สุด เหมือนกับความตั้งใจของ“เซฟฟานี่” ที่เลือกจะพัฒนาฝีมือการแสดงให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป.
* ดูประวัติ แคท - เซฟฟานี่ อาวะนิค
|