อุษามณี ไวทยานนท์
|
จุดสูงสุดของ ‘ขวัญ’ ขอแค่คนดูมีความสุข
เป็นอีกหนึ่งนางเอกที่ถูกพูดถึงเยอะที่สุดในช่วงนี้ สำหรับ ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ จากละคร “ฟ้าจรดทราย” เพราะมีกระแสแรงตั้งแต่ละครยังไม่ออกฉาย ซึ่งการแสดงในเรื่องนี้สาวขวัญยกให้เป็นฟินาเล่ในการทำงานเลยทีเดียว วันนี้สาวขวัญมีนัดกับ “ดาวต่างมุม” เพื่อมาเปิดใจถึงการทำงาน และการใช้ชีวิต รวมไปถึงความรักกับ “หนุ่มอ้าย” ลูกนายตำรวจใหญ่ ซึ่งต้องบอกว่าเธอมีมุมมองความคิดที่แฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตจริง ๆ
ที่มา: เดลินิวส์
|
|
|
|
คำถาม
|
ฟีดแบ็กละครเป็นอย่างไรบ้าง?
|
ขวัญ
|
“ก็ดีใจค่ะ ขวัญก็มีโอกาสเข้าไปดูในคอมเมนต์ ไปไหนก็มีคนพูดชื่นชมเรา อย่างขวัญลงรูปแชร์ในไอจี ก็มีคนชมให้กำลังใจ อย่างในพันทิปก็กระแสแรงมาก ขวัญก็มีโอกาสเข้าไปดู ต้องฝากขอบคุณพี่ติ่งกระโจมด้วย ที่ให้การต้อนรับละครขวัญดีมาก โดยเฉพาะขวัญที่ทุกคนเชื่อในตัวมิเชลล์ ทุกคนให้กำลังใจขวัญ ใครที่ชมขวัญก็จะเป็นพลังให้ขวัญทำงานต่อไปในเรื่องอื่น ๆ คนไหนติมาเราก็จะเอาตรงนั้นมาปรับและพัฒนาการแสดงของเราให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าจุดประสงค์ขวัญคือ ขวัญอยากเป็นนักแสดง ขวัญไม่ได้อยากเป็นดารา ฉะนั้นการเป็นนักแสดงของขวัญ จุดที่มันสูงสุดก็คือ การที่เราเล่นละครแล้วคนเชื่อ แล้วคนก็มีความสุขในการที่เขาดูผลงานของเรา เป็นละครที่เปิดตัวได้ดีกว่าละครทุก ๆ เรื่องที่ผ่านมาของขวัญ คือทุกอย่างดีหมดเลย มาเต็มหมดเลย เนื่องจากขั้นตอนการถ่ายทำ เราเตรียมการกันมานาน เวลาตอนเราทำก็ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีเวลา เขาถึงได้บอกว่า ในการทำสิ่งที่เรารักสักอย่างหนึ่ง เราต้องให้เวลากับเขา ละครเรื่องนี้ก็เหมือนกัน"
|
|
คำถาม
|
ละครเรื่องนี้ต้องไปถ่ายทำต่างประเทศ เป็นอย่างไรบ้าง?
|
ขวัญ
|
“ลำบากมาก ประเทศเขาตั้งแต่เหยียบลงไปเลย วัฒนธรรมเขาไม่เหมือนเราเลย เสื้อผ้า การแต่งกาย สภาพภูมิอากาศ อาหารการกิน เราไม่ชินเลย อากาศนี่ร้อนมาก ทุกคนผิวไหม้หมดเลย อย่างขวัญเป็นคนรักผิวมาก ขวัญไปโน่นจะมีเสื้อผ้าไปไม่กี่ชุด ส่วนอีกกระเป๋าหนึ่งจะเป็นครีมหมดเลย เป็นครีมขัด ครีมพอก ครีมกันแดด ครีมมาส์ก ทรีตเมนต์ ทุกอย่างเลย คนอื่นก็หน้าลอก หน้าไหม้เป็นแผ่น ๆ ตอนแรกแสบผิวมาก แม่ก็ไปตลาดที่โน่นซื้อแตงกวามาเป็นกิโลเลย มาแช่ในอ่าง มานั่งบี้พอกผิวเอาไว้ ก็ไปโน่นประมาณ 2-3 อาทิตย์ได้ อยู่แค่วันเดียวก็ทรมานแล้ว อุปสรรคอย่างอื่นก็ตั้งแต่การเดินทาง เพราะมันต่างบ้านต่างเมือง บางทีนัดม้ามาแล้ว ม้าไม่มาทันเวลา เราก็รันงานไม่ทัน เราต้องทำงานแข่งกับแสง เพราะที่โน่นประมาณ 5 โมงนี่มืดแล้ว และเวลามืดก็จะมืดเร็วมาก แป๊บเดียวหายไปเลย พอได้เห็นผลงานก็หายเหนื่อย จะเรียกว่างานชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของขวัญก็ได้ค่ะ เพราะอย่างเวลาขวัญรับบทละครมา ขวัญก็จะอ่านเฉพาะบท แต่เรื่องนี้ขวัญอ่านนิยายของเขามาหมดทั้งเล่มแล้ว เราลงไปถึงตัวละครได้ลึกมากกว่า เพราะฉะนั้นการที่เราถ่ายทอดก็จะลึกและส่งอารมณ์ออกมาได้ดีกว่า"
|
|
|
|
คำถาม
|
ขวัญจัดเป็นดาราที่มีละครแน่นต่อเนื่องนะ ไม่หายไปจากหน้าจอเลย?
|
ขวัญ
|
"ขวัญว่ามาจากผู้ใหญ่เอ็นดูเราค่ะ ถึงแม้แฟนละครจะให้การต้อนรับเราดี แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเราว่าเรามีความสามารถ ไม่ศรัทธาในตัวเราว่าเรามีความรับผิดชอบ ผู้ใหญ่คงไม่ไว้ใจและมอบหมายงานให้ ขวัญโชคดีที่ละครของขวัญอาจจะถ่ายนานหน่อย แต่มันมีคุณค่าในจิตใจของคน ขวัญไม่ได้วัดผลงานที่จำนวนชิ้น แต่ขวัญนับจากคุณค่าของมันมากกว่า ขวัญได้เดินไปข้างหน้า ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ อย่างเราเล่นละครเราก็ไม่ได้เล่นแต่ละครดราม่าอย่างเดียว มันก็มีพัฒนาตัวละคร พัฒนาตัวเราไปด้วย"
|
คำถาม
|
ตอนนี้วางเป้าหมายอะไรในวงการบันเทิง?
|
ขวัญ
|
“ความฝันในวงการบันเทิงของขวัญ ขวัญอยากเป็นนักแสดง เป็นศิลปิน ไม่ใช่ดังตามภาพหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ ข่าวที่ไม่ใช่นักแสดงพึงจะทำ ไม่ใช่มาจากความสามารถ ขวัญไม่ได้อยากเกิดมาจากตรงโน้น ขวัญอยากให้คนชื่นชมขวัญในฐานะที่เราเล่นละคร เชื่อว่าเราเป็นคนโน้นคนนี้ เหมือนที่เราชื่นชมรุ่นพี่ ว่าเวลาเราดูผลงานเขาแล้วเรามีความสุขจัง เราอยากให้คนอื่นมีความรู้สึกให้เราแบบนั้นบ้าง ขวัญอยากเป็นนักแสดงไม่ได้อยากเป็นดารา เพื่อสร้างตัวมาให้เป็นข่าว"
|
|
คำถาม |
แต่การอยู่ในวงการบันเทิงเราก็หนีไม่พ้นกับการเป็นข่าว?
|
ขวัญ |
"ใช่ค่ะ มันหนีไม่พ้นอยู่แล้ว มันคือสังคมปัจจุบัน มันก็มีปาปารัซซี มีอะไร แต่หลักแก่นแท้ของเรา เราอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร เราอยู่เพราะอะไร ความตั้งใจของเราคืออะไร ไม่ใช่วัน ๆ ตั้งหน้าตั้งตาหาว่าวันนี้ฉันจะเป็นข่าวอะไรดี ทำประเด็นดีกว่า ขวัญว่าขวัญเอาประเด็นตรงนี้ไปเรียนดีกว่า มันคุ้มค่ากับชีวิตขวัญมากกว่า เวลาเราแก่ไป เรามองย้อนกลับมามันก็จะมีภาพที่สวยงาม ต่อไปรุ่นลูกกลับมาดูแม่สมัยสาว ๆ เขาก็จะมีรอยยิ้มว่า แม่เขาตั้งใจทำงานนะ ไม่ได้ทำอะไรที่ให้ลูกเราในอนาคตข้างหน้าเสียความรู้สึก"
|
คำถาม |
เวลามีข่าวมันส่งผลกระทบอะไรกับการทำงานบ้างไหม?
|
ขวัญ |
"ไม่นะคะ เพราะว่าขวัญอยู่รอบข้างกับสิ่งที่รู้จักเราหมด คนอื่นที่เขาไม่รู้จักเรา หรือรู้จักเราจากข่าว เขาก็ไม่ได้มาแอนตี้เรานะ เขาก็ยังแบบ เอ๊ะ เขาจะเป็นอย่างข่าวจริงหรือเปล่า คือยังอยากสัมผัสเรา เราก็เป็นแบบที่เราเป็น พอเขาสัมผัสเราแล้วรู้ว่าเราไม่ได้เป็นตามข่าวเขาก็จะกลายเป็นคนที่รักเราแล้วก็มาปกป้อง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวัญได้มาเนี่ย มันกลายเป็นขวัญอบอุ่น ถ้าเราเป็นคนดีเราก็จะมีความสุขในการที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะว่าคนเขาจะมาคอยกอดเราเอง ส่วนคนที่ไม่เข้าใจในตัวขวัญ เขาก็ไม่ได้มาใกล้ขวัญ มันก็เลยไม่มีเอฟเฟกต์อะไร คนอื่นเขาทำร้ายเราภายนอก แต่สุดท้ายความจริงก็คือความจริง มันก็จะกระจ่างไปเอง"
|
|
|
|
คำถาม |
มีหลักในการทำงานอะไรที่ทำให้เราอยู่ได้นานมาตั้งแต่เล็กจนโต?
|
ขวัญ |
"ทุกอาชีพถ้าเราทำตัวเป็นบัณฑิต มันก็จะดี เจอสิ่งที่ดี ๆ การเป็นบัณฑิตไม่จำเป็นต้องไปเรียนจบปริญญา เราแค่คิดดี ทำดี พูดดี แค่นี้ ถ้าเราคิดดีเราก็จะมีความสุข ทำดีมันก็จะมาจากความคิด ไม่ใช่การเฟค ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง เพราะมันมาจากความคิด เราคิดดี เราไม่ได้ไปทำร้ายใคร"
|
คำถาม |
ทุกวันนี้การแสดงคือชีวิตของขวัญ?
|
ขวัญ |
“ใช่ค่ะ มันกลายเป็นผูกพันไปแล้วค่ะ อย่างขวัญมีโอกาสไปคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งในวงการ แล้วเขาก็ถามว่า เคยรู้สึกไหมว่าเล่นละครแล้วไม่อยากเป็นตัวนี้เลย พอย้อนกลับมาคิด เออ เราเล่นละครมาตั้งหลายเรื่อง แต่เราไม่เคยรู้สึกว่าเราไม่อยากเล่นละครเรื่องนี้เอง กลายเป็นว่าเราอยากเล่นทุกครั้ง ยิ่งเวลาอยู่กองถ่ายก็จะมีความสุข อย่างเรื่องฟ้าจรดทราย ได้เล่นกับพี่ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล ได้อยู่กับนักแสดงผู้ใหญ่อย่าง อาทองขาว พี่ติ๊ก ชิโร่ มันเป็นฟินาเล่ของขวัญมาก ทำงานแล้วเราสนุก การทำงานคนเดียวมันยากนะ แต่การทำงานกับส่วนรวมแล้วมันส่งเอฟเฟกต์ถึงกันมันยากกว่า แต่พอมันทำได้แล้วมันมีความสุข มันมหัศจรรย์มาก”
|
|
คำถาม |
คิดว่าเราจะเป็นนักแสดงไปอีกนานเท่าไหร่?
|
ขวัญ |
"ก็จนกว่ามีครอบครัว ถ้ามีครอบครัวเราก็ต้องมีเวลาอยู่กับสามี อยู่กับลูก อยู่กับแม่เรา คงไม่คิดเล่นละครไปจนแก่ เพราะขวัญทำอะไรแต่ละช่วงก็ทำให้เต็มที่และให้ดีที่สุด ทุกอย่างมันต้องมีการปล่อยวาง ตอนนี้ก็วางไว้แค่มีครอบครัวแล้วจะหยุด ถ้าถึงเวลานั้นเราคงต้องดูแลครอบครัวเรา แม่กับพี่สาวด้วย ถ้าจะให้แบ่งเวลาไปทำงานก็คงลำบาก”
|
คำถาม |
ผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตขวัญได้ต้องเป็นอย่างไร?
|
ขวัญ |
"ไม่ขออะไรมาก ขอแค่เป็นครึ่งหนึ่งของคุณพ่อเราก็พอแล้ว เพราะว่าผู้ชายหล่อ ผู้ชายรวยก็หาได้ทั่วไป แต่การที่เป็นคนดี ซื่อสัตย์ และรักครอบครัว ขวัญว่ามันหายาก ถ้าขวัญเจอ ขวัญก็อยากจะเก็บคนแบบนั้นไว้"
|
|
|
|
คำถาม
|
แล้วคนที่คบอยู่ตอนนี้ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อหรือยัง?
|
ขวัญ
|
"ก็ดีค่ะ คนเราก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป เพราะว่าขวัญกับเขารู้จักกันมานานแล้ว เราก็คอยเป็นกำลังใจให้กัน คอยอยู่ข้าง ๆ กัน เราไม่ได้แบบเธอเป็นกันนะ เราพยายามที่จะเรียนรู้ เป็นลมใต้ปีกกัน ขวัญว่าความหมายมันลึกซึ้งนะ การเป็นแฟนกันมันก็แค่นั้นแหละ แต่การเป็นลมใต้ปีกกัน มันเป็นการหนุนกัน พยุงกัน ตอนนี้เราก็คบกันมาสักพักแล้ว ก็ถึงปีแล้ว คือเรารู้จักกันมานาน เลยไม่ได้มานั่งนับกันว่ากี่ปี"
|
คำถาม
|
คนนี้จริงจังกว่าทุกคนที่ผ่านมาไหม?
|
ขวัญ
|
"จริงจังหมดค่ะ ขวัญทำอะไรขวัญจริงจังหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องเรียน แม้แต่การเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวขวัญยังจริงจังเลย แต่ไม่ได้จริงจังแบบต้องมานั่งซีเรียสเป๊ะ ๆ แต่หนูจริงจังที่หนูให้คุณค่าเขา ให้คุณค่ากับทุกอย่างที่มาอยู่รอบตัว เราลองที่จะเรียนรู้ ขวัญว่าเวลาที่เราอยู่ไปทุกวัน ขวัญเริ่มเรียนรู้จากความสุข ทำอะไรก็ทำให้มีความสุข ขวัญไม่ชอบทำอะไรที่มันหดหู่ ขวัญว่าใครไม่มีความรักคือไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอะ ความรักมันทำให้สิ่งรอบข้างดูสวยงาม เราทุกคนควรที่จะเรียนรู้ความรักกันเยอะ ๆ ที่สำคัญคือ คุณรักตัวเอง อย่าไปทำร้ายตัวเอง อย่าไปทรยศตัวเอง" |
|
คำถาม |
ทุกวันนี้ยังต้องมีการปรับตัวอะไรกันอีกบ้าง?
|
ขวัญ |
"ไม่มีค่ะ เราไม่ได้คุยกันแบบว่า ต้องมานั่งปรับนั่งจูน ทุกอย่างไปเรื่อย ๆ ขวัญก็ทำงาน เรียน อยู่กับครอบครัว ว่างเราก็เจอกัน คุยกัน เขาก็เหมือนกัน เขาก็ทำงาน เรียนด้วยเหมือนกัน เรามีอะไรหลายอย่างมากกว่าที่จะมานั่งคุยเรื่องความสัมพันธ์ ฉัน เธอ เรา ขวัญว่าอายุเรามันก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว 25 แล้ว เราควรจะหาหลักหาแก่นอะไรให้กับชีวิต อย่างขวัญตั้งใจที่จะเรียนจบปริญญาโท มันก็ใกล้แล้ว ต้นปีหน้าก็จะจบแล้ว ขวัญก็จะลงละครได้เต็มที่ อยากทำอะไรด้วยตัวเอง เราก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ต้องดูคุณแม่ ทำงาน เอาเวลาไปให้พี่สาว เพราะเราก็เหลือกันแค่ 3 คน ยิ่งเหลือกันน้อยเราก็ต้องใกล้กันมากขึ้น ยิ่งเราอยู่ไกลกันคนละประเทศ ตอนนี้พี่สาวอยู่เมืองนอก เราก็ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าในการอยู่ด้วยกัน”
|
คำถาม |
ผู้ชายที่จะเข้ามาต้องเป็นคนที่ดูแลครอบครัวเราได้ด้วยหรือเปล่า?
|
ขวัญ |
"ไม่จำเป็นค่ะ เพราะเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ เราก็ดูแลกันได้อยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีใครมานั่งดูแลเรา แม่เลี้ยงขวัญมา ทุกวันนี้ก็ถึงเวลาที่ขวัญต้องเลี้ยงแม่แล้ว ขวัญก็ไม่ได้จำเป็นต้องให้ผู้ชายหรือใครมาปกป้องครอบครัวขวัญ เพราะขวัญว่าขวัญทำได้"
|
|
|
|
คำถาม
|
แล้วเรื่องเรียนล่ะตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
|
ขวัญ
|
"ขวัญเรียนปริญญาโทค่ะ ที่ ม.กรุงเทพ คณะบริหารธุรกิจ หนักที่สุดเลย เพราะเราไปเรียนอะไรที่มันไม่ใกล้ตัวเราเลย เราไม่ได้มาจากครอบครัวนักธุรกิจ ตั้งแต่เรื่องเบสิกทั่วไป เรื่องหุ้น เราก็ไม่รู้เรื่องแล้ว เรารู้แต่เรื่องในวงการและเรื่องรอบตัวในชีวิตของเราแค่นั้น อันนี้เราก็ไปเรียนในสิ่งที่เราไม่รู้ มันก็ต้องรู้จักการขวนขวาย ต้องพยายาม แต่โชคดีที่เราได้มหาวิทยาลัยที่เขาไม่ได้มีสิทธิให้กับนักแสดงเลย มันก็กลายเป็นแรงขับ ทำให้เราฮึกเหิมมากขึ้น พยายามมากขึ้น เราได้เรียนรู้จริง ๆ มันมีความสุขกับการได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ เป้าหมายตอนนี้คือเรียนเพื่อเก็บ ในอนาคตเราอาจทำธุรกิจอะไรก็ได้ ทำครีม ทำเสื้อผ้า แต่ทุกอย่างเราต้องรู้ให้หมดทุกเรื่อง"
|
คำถาม
|
อยากพูดอะไรถึงแฟน ๆ ไหม?
|
ขวัญ
|
"ขอบคุณแฟนคลับ แฟนนิยาย แฟนคลับบ้านขวัญ พี่ ๆ ติ่งกระโจม ทุกคอมเมนต์ขวัญเห็นหมดนะ ทั้งในพันทิปและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็ขอบคุณมาก มันคือจุดสูงสุดของคนทำงาน ไม่ได้พูดแค่ตัวขวัญคนเดียว แต่พูดโดยรวมของดาราวิดีโอ ของช่อง 7 เลย เพราะว่าความสุขของคนดูทุกคนคือเป้าหมายสูงสุดแล้ว เพราะว่าเราทำงานมา เราก็อยากให้คนดูโทรทัศน์มีความสุขแล้วอินไปกับเราว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่อยากให้เปลี่ยนช่องไปช่องอื่น หรือไปสนใจอย่างอื่นแทนเรา อยากให้ทุกคนตั้งตารอ ในที่สุดแล้วก็ขอบพระคุณมากค่ะ"
ยิ่งคุยก็ยิ่งสัมผัสได้ว่า เธอเป็นนักปรัชญาชีวิตดี ๆ นี่เอง เธอเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ และนี่แหละคือ “ขวัญ-อุษามณี” ที่โตขึ้นจากวันวาน. |
|
|
* ดูประวัติ ขวัญ - อุษามณี ไวทยานนท์
* ดูอัลบั้ม ขวัญ - อุษามณี ไวทยานนท์