ถาม

เอ้ก

เอ้กเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 โดยทำงานถ่ายโฆษณาทั่วไป จนมาประมาณตอนม.6 ได้มาออดิชั่นที่รายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก ของช่อง 3 เอ้กได้ทำพิธีกรอยู่ที่นั่น 3 ปี จนหมดสัญญา ซึ่งระหว่างนั้น เอ้กได้ผ่านงานการแสดงมาบ้าง เลยเริ่มคิดว่าเราคงชอบงานแสดง และเอ้กก็ชอบละครของทางเอ็กแซ็กท์เลยเข้ามาออดิชั่น แล้วผ่านออดิชั่น จนปัจจุบันเลยได้มาร่วมงานกับค่ายที่เราชื่นชอบ

ถาม

เอ้ก

ก่อนจะมาเล่นละครเรื่อง "เรือนแพ" เอ้กได้ไปลองชิมลางกับซิทคอมก่อน โดยจะเห็นเอ้กแว่บๆ อยู่ในเป็นต่อ สักประมาณ 2 ตอน (ยิ้มเขินๆ) แล้วถึงได้มาเล่นประจำใน "บ้านนี้มีรัก" ถึงได้มาเล่นเรือนแพ ซึ่งถือว่าเป็นละครเรื่องแรกกับเอ็กแซกท์ แต่การที่เอ้กได้ไปเล่นซิทคอม ก็เหมือนเป็นการเรียนการแสดงไปในตัวด้วย เพราะว่าในซิทคอมแต่ละเรื่องเอ้กได้ร่วมงาน กับนักแสดงที่มีคุณภาพด้วยกันทั้งนั้น

ละครเรื่องแรก

เริ่มต้นละครเรื่องแรกก็มาเจอบทประพันธ์ชั้นครูอย่าง "เรือนแพ" เลยเป็นอย่างไรบ้าง

เอ้กพอรู้มาบางว่ามีคนจับตามองบทนางเอกของเรื่องนี้ อย่างแรกเลยเอ้กต้องขอบคุณผู้ใหญ่ ที่ไว้วางใจให้เราได้มาเล่นบทนี้ที่เป็นบทที่เอ้กเชื่อว่าหลายคนอยากเล่น แล้วเอ้ก ถือว่าเอ้กได้รับเกียรติ อย่างมาก ซึ่งเอ้กก็ ตอบแทนความไว้วางใจที่ผู้ใหญ่ให้มาด้วยความตั้งใจแสดงบทนี้อย่างเต็มเปี่ยม คือมันมากเกินร้อย ให้สมกับที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราได้มาทำ เราไม่อยากที่จะทำทิ้งๆ ขว้างๆ

หลายคนจับตามองบท "เพ็ญ" นางเอกของเรื่องนี้มากว่าใครจะได้ พอบทตกเป็นของ "เอ้ก" รู้สึกอย่างไร

เอ้กพอรู้มาบางว่ามีคนจับตามองบทนางเอกของเรื่องนี้ อย่างแรกเลยเอ้กต้องขอบคุณผู้ใหญ่ ที่ไว้วางใจให้เราได้มาเล่นบทนี้ที่เป็นบทที่เอ้กเชื่อว่าหลายคนอยากเล่น แล้วเอ้ก ถือว่าเอ้กได้รับเกียรติอย่างมาก ซึ่งเอ้กก็ ตอบแทนความไว้วางใจที่ผู้ใหญ่ให้มาด้วยความตั้งใจ แสดงบทนี้อย่างเต็มเปี่ยม คือมันมากเกินร้อย ให้สมกับที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราได้มาทำ เราไม่อยากที่จะทำทิ้งๆ ขว้างๆ

ในเรื่องต้องประกบกับสามหนุ่มสุดฮอต "โตโน่-สน-กัน"

ถือว่าโชคดีมากเลย เพราะว่าเอ้กกับสามหนุ่มนี้เรารู้จักกันมาก่อน อย่างพี่โน่ ("โตโน่" ภาคิน) เอ้กได้ เล่นเอ็มวีเพลงนิยายให้กับพี่โน่ แล้วกับน้องกัน ("กัน"นภัทร) เราก็เรียนการแสดงด้วยกันมา อย่างกับสน ("สน"ยุกต์) เราได้เจอกันบ่อยๆ ที่จุฬาฯ จึงเรียกว่าเราเป็นเพื่อนๆ กันมาอยู่แล้ว เวลาเข้าบทมันเลยไม่ค่อยเกร็ง แต่มันยากตรงที่ว่าเราต้องเล่นเป็นเหมือนสามคู่ มันค่อนข้างทำการบ้านหนัก เพราะว่าความรู้สึกที่มีให้ทั้งสามคนไม่เหมือนกัน

คนจะมองว่าบท "วันเพ็ญ" จะต้องสวยมาก เพราะต้องทำให้สามหนุ่มนี้ตกหลุมรัก

(หัวเราะ) แต่เอ้กไม่ใช่คนสวย ตั้งแต่ตอนออดิชั่น ตอนนั้นมีพี่ป้อน ("ป้อน" นิพนธ์ ผิวเณร) มาดู เอ้กก็บอกกับพี่เขาว่าเอ้กไม่ใช่คนสวย แล้วเอ้กก็ไม่ใช่คนเก่ง แต่ว่าเอ้กเป็นคนตั้งใจ และเอ้กก็อยากที่จะทำตรงนี้ เพราะเอ้กรักการแสดง และเอ้กอยากที่จะทำให้ดีที่สุด เอ้กอยากให้คนรักวันเพ็ญแบบของเอ้ก ตรงเสน่ห์ที่มี ที่อาจจะไม่ใช่ความสวย

เรียกว่าแทบจะร้องไห้ในทุกฉาก แล้วบทร้องไห้ในเรื่องนี้ ก็ยากมากด้วย เพราะบทวันเพ็ญ มีการร้องไห้หลายระดับ ตั้งแต่ซึมๆ ร้องแบบนิ่งๆ หรือร้องแบบฟูมฟาย ซึ่งในแต่ละซีน มันจะต้องมีการร้องไห้ให้เหมาะกับแต่ละซีน มันยากอยู่แล้ว แต่พวกหนุ่มๆ เขาชอบแซวเรา ยิ่งพี่โน่จะแซวเลย ว่าเอ้กร้องได้เลย สั่งน้ำตาได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ คือเราต้องใช้สมาธิอย่างหนักมาก แล้วส่วนตัวเอ้กไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ให้ใครเห็น เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นเรื่องยากมาก เพราะมันขัดกับความเป็นเรา

ในเรื่องนี้ร้องไห้เยอะ คนเลยยกฉายา "นางเอกเจ้าน้ำตา" ให้ไปแล้ว

โอ้โห...ถ้าเป็นได้จริงๆ ก็ดีซิ (หัวเราะ) แต่เอ้กยัง ไม่ถึงขั้นนั้น เราแค่ทำไปตามบท เราคิดแค่ว่าเราอยากทำให้ดีที่สุด เพราะบทวันเพ็ญเป็นสาวไทยสมัยก่อนที่อ่อนต่อโลกมาก พอเวลามีอะไรเข้ามากระทบความรู้สึก มันก็ทำให้เขาสะเทือนใจ ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจ และทำสมาธิกับการที่เราจะมาเป็นวันเพ็ญ เอ้กยอมรับเลยว่าบางวันเราไม่มีสมาธิกับการเป็นวันเพ็ญ มันเลยทำให้ยิ่งยาก

ให้ 7 เต็ม 10 เพราะว่าเป็นเรื่องแรกของเอ้ก มันยังมีข้อผิดพลาดอยู่ค่อนข้างเยอะ จริงๆ ที่เอ้กให้ 7 นี่ เอ้กให้ ในส่วนของความตั้งใจ และความพยายามของเราล้วนๆ (หัวเราะ) เพราะว่าเรารู้สึกแฮปปี้กับการทำงานนี้ด้วย แต่ถ้าให้พูดถึงฝีมือจริงๆ อาจจะต่ำกว่านั้น แต่เหมือนให้คะแนนเพื่อเป็นกำลังใจให้เรา

แฉสามหนุ่ม "โตโน่-กัน-สน"

ใช่ทั้งสามคนขี้แกล้งมาก (หัวเราะ) ไล่มาทีละคนเลย เริ่มที่น้องกันก่อน น้องกันจะชอบแกล้งในฉากเลย เหมือนกับว่าเราเข้าฉากด้วยกันอยู่ แต่กล้องไม่ได้จับน้องกัน น้องกันก็จะทำหน้าบู้บี้ใส่ หรือบางทีเอ้กต้องเข้าฉากที่ซีนอารมณ์ น้องกันก็จะต้องพูดอะไรให้ขำ คนที่สองพี่โน่ เขาไม่ได้แกล้งแบบน้องกัน แต่เขาจะชอบว่าเอ้กว่าเอ้กอ่อนแอ เพราะว่ามันจะมีซีน ที่พี่โน่ต้องจับแขนเอ้ก แล้วเอ้กต้องสะบัด แต่พอเอ้กพลิกข้อมือ ก็มีเสียงกรุบ กรุบ ตั้งแต่ตอนนั้นพี่โน่ก็จะแซวว่าเอ้กอ่อนแอ ให้กินเข้าวเยอะ แซวตลอด คนสุดท้ายสน จริงๆ ดูเหมือนเขาจะดูดีสุด แต่จริงๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะสนเขาจะชอบมองหน้า แล้วทำเสียงแบบ หงุดหงิดใส่เรา คือเขาจะชอบแกล้งแบบแปลกๆ เอ้กก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ต้องบอกก่อนว่าทั้งสามหนุ่มนี้ต่างมีดีกันคนละแบบในสไตล์ของเขาเอง อย่างสนเขาเป็นหนุ่มในแบบ มาดนิ่งๆ เข้มๆ แต่พอพูดทีสาวๆ ก็ใจละลาย (ยิ้ม) ส่วนพี่โน่จะมาในแบบผู้ชายจริงใจ แมนๆ เท่ๆ ทำให้สาวๆ รู้สึกอบอุ่น ส่วนน้องกันเขาจะเป็นแบบน่ารัก ขี้เล่น เพราะฉะนั้นเลือกยาก ให้แฟนๆ ของทั้งสามคนเลือกแล้วกัน (ยิ้ม)

ตัวตนแบบ "เอ้ก"

ตัวตนที่แท้จริงของ "เอ้ก" เป็นแบบไหน

เอ้กเป็นคนไม่ได้มีอะไรมาก ง่ายๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปธรรมดา เฮฮากับกลุ่มเพื่อน มีเวลาก็ไปเจอเพื่อน มีเวลาว่างก็พักผ่อน คือเอ้กไม่ใช่เรียบร้อยขนาดวันเพ็ญในเรือนแพ และก็ไม่ได้จัดจ้านขนาดแอลในบ้านนี้มีรัก คือเอ้กก็ร่าเริง ถ้าถามว่าคล้ายใครมากกว่ากัน คงจะเป็นแอลในบ้านนี้มีรักมากกว่า

ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับวงการอย่างบ้าง

จริงๆ เอ้กไม่ได้ที่จะต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะเอ้กว่าไม่ว่าเอ้กจะทำงานอะไร ทั้งบทบาทการเป็นพิธีกร หรือนักแสดง แต่เอ้กก็ยังเป็นเอ้กเหมือนเดิม และเอ้กยืนยันว่าเอ้กจะทำให้ตัวเป็นเอ้กคน เดิมในทุกๆ วัน แต่อาจจะต้องมีการระวังบ้าง ในเรื่องของกริยามารยาท เราจะทำเป็นเด็กกะโปโลเหมือนเดิมๆ ไม่ได้แล้ว ต้องโตให้มันสมวัยขึ้น

รักใสๆ ไม่อยากเปิดเผย

ขอเรียกว่าเป็นพี่ชายกับน้องสาว คือพี่ตันเข้าอยู่ในวงการมานาน พี่ตันเขาจะทราบเรื่องความเป็นไป ในวงการมากกว่าตัวเอ้ก พี่ตันก็จะคอยให้คำปรึกษาว่าเรื่องไหนเราควรใส่ใจ เรื่องไหนที่เราไม่ควร ที่จะใส่ใจ

ไม่เชิง คือตอนนี้เอ้กก็ มีที่ปรึกษาที่ดี มีพี่ชายที่เขาเข้าใจ คุยกันรู้เรื่อง แต่หัวใจก็เรียกว่าโสดดี เพราะจริงๆ แล้วงานที่เราทำ ถ้าจะทำให้ดีต้องมีกำลังใจ ซึ่งถ้าเกิดเรามีความรัก มันก็ถือว่าเป็นกำลังใจในการทำงานให้ดี ไม่ใช่ว่าเราทำงานแล้วไม่คุยกับใครเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าตอนนี้เอ้กมีกำลังใจที่ดีในการทำงาน