ถาม

ธัญญ่า

"ได้ ลองการใช้ชีวิตคู่มา 5 ปี ก็เรียนรู้ที่จะให้อภัยกัน การอยู่ร่วมกันต้องใจเย็น หรืออะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่ว่าพอบทสุดท้ายต้องแยกทางกันจึงมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ คือคนเราจะให้มันสวยหรู จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเสมอไปมันก็ไม่ใช่ ต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่มันเป็น ซึ่งมันจะทำให้เรา แข็งแรงขึ้น เพราะผ่านจุดที่เศร้าที่สุดมาแล้ว และต่อไปเราจะต้องทำตัวให้มีความสุข ชีวิตต้องดำเนินต่อไป"

ถาม

ธัญญ่า

"ใช่ ค่ะ ตอนแรกนึกว่ามันจะใช้เวลานานกว่านี้ แต่พอเวลาผ่านไป 7 เดือน ทุกอย่างก็ดีขึ้นและ สบายใจขึ้นจนทุกวันนี้ ที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะสบายใจเร็วขนาดนี้ก็เพราะเรื่องที่ผ่านมามันหนักมาก ความรู้สึกมันไม่หมดไปซักที เราจะผ่านมันไปได้ยังไง ตื่นมาทุกวันเหมือนกับเป็นคนความจำเสื่อม เหม่อลอย ทุกข์ ซึ่งทุกวันนี้พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่ามันเร็วเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่คิดว่า จะผ่านไปได้ขนาดนี้ เพราะพอนึกถึงวันนั้นมันเหมือนหาทางออกไม่ได้"

"ตอนที่เกิดเรื่อง หนักๆ ก็ได้คุยกับเมจิ(อโณมา ศรัณย์ศิขรินทร์) ซึ่งเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาเป็น ก็คิดว่า 5 ปีไม่ลืมแน่ๆ แต่พอผ่านมาไม่กี่เดือนเขาก็ทำใจได้ ตอนนั้นเรายังอิจฉาเขาเลย เพราะเราหนักมากๆ แต่สักพักเราก็ผ่านมันไปได้"

กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวธัญญ่าว่าอย่างไรบ้าง?

"พ่อ กับแม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย อย่างแม่จะบอกเลย ถ้าอยู่แล้วสุขก็อยู่ ถ้าทุกข์ก็ไม่ต้องอยู่ คือส่วนใหญ่คนจะบอกว่าให้ทนอยู่ไปเดี๋ยวก็ดีเอง จะได้อยู่เป็นครอบครัว แต่แม่เขาไม่ เขาสมัยใหม่ เป็นหญิงแข็งแรง"

ฝรั่งส่วนใหญ่จะยึดความเป็นผัวเดียวเมียเดียว?

"ใช่ค่ะ แม่ธัญญ่าเป็นคนอเมริกันจะถือเรื่องนี้มาก ถ้าเรื่องนี้พ่อเป็นคนทำให้เกิดเรื่อง แม่เอาตายเลย แม่ค่อนข้างดุ ออกแนวโหด จนพ่อต้องกลัว แม่เป็นหญิงเด็ด มั่นใจตัวเอง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพ่อต้องยอม"

"อย่างพ่อกับแม่อยู่คนละที่ คือแม่อยู่อเมริกา ส่วนพ่อกลับอยู่เมืองไทย เขาไม่ได้แยกทางกัน เพียงแต่ แยกกันทำงาน บางช่วงพ่อก็ไปอยู่กับแม่ที่อเมริกา 3 เดือน หรือบางทีเราก็ยกกันมาอยู่เมืองไทย ไปๆ มาๆ ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นมาปีกว่าๆ แต่ก่อนหน้านั้นเขาอยู่อเมริกากันก่อนจะกลับมาไทย เพราะพ่อมา ทำงานที่นี่ พอมาอยู่ไทย แม่ก็ขอกลับไปเคลียร์อะไรที่อเมริกา พอกลับไปก็ไม่กลับมาอีกเลย(หัวเราะ) พ่อก็เลยต้องอยู่เมืองไทยคนเดียว"

ธัญญ่าได้ลักษณะอะไรจากแม่มาบ้าง?

"ก็มีบ้างแต่ไม่ถึงขนาดแม่ ความใจเด็ดอาจจะไม่เท่า แต่ก็ถือว่าได้มาส่วนหนึ่ง อย่างเมื่อไหร่ที่ธัญญ่า ตัดสินใจ โอเคมันอาจจะมีลังเลในช่วงแรกๆ แต่เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจแล้วว่าจบ ก็จะตัดเลย ซึ่งถ้าเป็นแม่ จะไม่มีลังเลเลย แม่ตัดเลย ส่วนพ่อก็จะไม่เด่น เพราะพ่อจะเงียบๆ ค่ะ"

ถ้าย้อนกลับไปได้อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเอง?

"(ถอนหายใจยาว) ไม่เปลี่ยนได้มั้ย (พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี) ธัญญ่าว่าก็โอเคแล้วล่ะ คือชีวิตแต่ละคนก็คงจะมีอะไรกำหนดมาแล้ว ชีวิตของใครต้องเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้เราอยู่ได้แบบ แฮปปี้แล้ว จึงยังไม่อยากจะเปลี่ยนอะไร เพราะเราได้ผ่านพ้นอะไรมาเยอะแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาในชีวิต ก็น่าจะถือว่าเป็นจุดที่วิกฤตสุดในชีวิตแล้วค่ะ"

หากมีพร 3 ประการ อยากจะขออะไร?

"ต้องเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวหรือเปล่า เพราะถ้าชีวิตครอบครัวก็น่าจะโอเคแล้ว เอาเป็นว่าอย่างแรก คืออยากให้ไม่มีพวกภัยธรรมชาติ พวกสึนามิ พายุทอร์นาโด เพราะได้ฟังข่าวแบบนี้มาในช่วงหลังๆ จะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยมาก และน่ากลัวขึ้นทุกวัน"

"อย่างธัญญ่าเองตอนที่อยู่อเมริกาจะค่อนข้าง ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ทอร์นาโดเนื่องจากว่าที่รัฐอินเดียน่า ที่ธัญญ่าอยู่ จะมีการเตือนภัยพายุนี้บ่อย ซึ่งคนที่นั่นเนื่องจากมันเกิดขึ้นบ่อย เขาก็จะมีห้องใต้ดิน เอาไว้เมื่อเกิดพายุจะได้มีที่หลบภัย เวลาเขาเตือนก็จะระวังกัน แต่ยังไม่เคยเจอพายุถึงขนาดว่า จะต้องลงไปอยู่ในห้องใต้ดิน กลัวว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้นทุกคนตายหมดแล้วเหลือแต่เรา เราก็ไม่เอา (หัวเราะ) ขอไปด้วยดีกว่า แต่ขอให้ตายแบบไม่ทรมานค่ะ"

"อย่างที่ 2 อยากให้มีแต่คนดีอยู่บนโลก เพราะไม่อยากเห็นข่าวฆาตกรรม ข่าวสงคราม อยากให้โลก เป็นเหมือนการ์ตูน เป็นเทพนิยายที่มีแต่ความสุข อยากจะให้คนรักกัน แต่แบบรัก 3 ทางไม่เอา (หัวเราะ)"

"อย่างสุดท้าย อยากจะให้โรคภัยไข้เจ็บหมดไป ซึ่งถ้าหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ได้ชีวิตก็แฮปปี้"

เคยดูละครเรื่อง "ดอกส้มสีทอง" หรือเปล่า?

ไม่ได้ดูค่ะ แต่ก็ได้เห็นข่าวทางอินเตอร์เน็ตว่าละครเรื่องนี้แรงมากๆ"

"(หัวเราะ) ธัญญ่าบอกตรงๆ ว่าไม่ได้ดูลึกๆ ในรายละเอียด แต่มันคงไม่เหมือนมาก เพียงแต่มี ส่วนคล้าย เพราะชีวิตในละครก็เอาจากชีวิตจริงมาเขียน เผอิญชีวิตเราดันไปตรงกับละคร เท่าที่ได้อ่านในเน็ต ก็น่าจะประมาณ "เด่นจันทร์" หรือไม่ก็ "คุณดี๋" คือธัญญ่าจะเล่นเฟซบุ๊กกับภรรยา ของผู้กำกับฯเรื่องนี้ เขาก็จะบอกว่าเราคล้ายกับคุณดี๋(หัวเราะ) แต่รู้ว่าคุณดี๋ดีเกิน ก็เอาเป็นว่าผสมกัน ระหว่างตัวแสดง 2 ตัวนี้"

"ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่เราจะต้องใช้คำนี้แล้ว เหรอ(หัวเราะ) คือที่ผ่านมาเคยได้ยินแต่เขาเรียกคนอื่น ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาอยู่ในสถานะแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ดีหรือไม่ชอบ มันก็เก๋ดี เพราะเรายังอายุไม่เยอะ อาจจะดูเป็นคนมีประสบการณ์ แต่ก็ไม่ค่อยจะซีเรียสกับคำคำนี้ เพราะมันก็คือความจริงที่มันเป็น"

มีหนุ่มเข้ามาบ้างหรือยัง?

"ยังไม่มีค่ะ คงไม่มีใครกล้ามั้ง"

ตั้งสเป๊กหนุ่มคนใหม่ไว้อย่างไร?

"ไม่มีเลยค่ะ(หัวเราะ) ไม่มีสเป๊ก คือตอนนี้ยังไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย อยู่ใช้ชีวิตโสด อยู่กับลูกดีกว่า ถ้าวันหนึ่งมันจะมีเข้ามาก็ปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้จะกำหนดกฎเกณฑ์อะไร แต่ตัวเองชอบคนที่อ่อนโยน จิตใจดีค่ะ"

เข็ดหรือเปล่ากับคนเจ้าชู้?

"ต้องระวังนิดหนึ่งแล้วล่ะ เพราะคนเจ้าชู้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่สุภาพ ดูแลเทกแคร์ดีอะไรประมาณนี้ ซึ่งก็ต้องดูแลกันต่อไป เราไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คนที่เขารักกันมาเป็น 20-30 ปี อยู่ดีๆ มีเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนไปมันก็มี ซึ่งคิดว่าแต่ละคนก็จะมีเหตุผลส่วนตัว มันจึงยากที่จะเดาว่าทำไม เพราะการที่คน 2 คน ต่างพ่อต่างแม่มาอยู่ด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องง่าย"

ตอนนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปหรือเปล่า?

"ไม่ได้เปลี่ยนค่ะ แต่ต้องดูอะไรนานนิดหนึ่ง เรามีลูกแล้ว ไม่ใช่ตัวคนเดียว ใครที่จะเข้ามาก็ต้อง รักลูกเราด้วย คือเราก็มีเงื่อนไขเพิ่ม ซึ่งเราไม่รู้ว่าคนที่จะเข้ามาและรักลูกเราด้วยแบบจริงๆ จะมีซักกี่คน เพราะเราก็มีลูกติดแล้ว"

อยากจะฝากบอกผู้หญิงที่ตกในสภาพหัวอกเดียวกันอย่างไรบ้าง?

"ตอนนี้ก็เข้าใจค่ะ จากที่เมื่อก่อนงงตัวเองว่าเราจะเฮิร์ตอะไรนักหนา แต่เวลาจะช่วยให้ทุกอย่าง ดีขึ้นจริงๆ พอมันผ่านมาแล้วมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า เวลาจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเอง อดทนเอาไว้ แล้วมันจะผ่านไปค่ะ"

ตอนนี้ดูหน้าตาสดใส หุ่นดี มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร?

"บอกตรงๆ ว่า ไม่ได้ดูแลอะไรเลยค่ะ ยอมรับว่าตอนที่เกิดเรื่องหนักๆ ธัญญ่าผอมลงมาก เพราะกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่พอมันผ่านไปทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้น กลับมากินได้อย่างเดิม จนปัจจุบันคือไม่ได้แม้แต่จะออกกำลังกาย มันเป็นของมันแบบนี้"

"แต่ ต่อไปนี้คงจะต้องเพิ่มการดูแลตัวเองมาก ขึ้น กลับไปออกกำลังกาย เพราะตอนนี้อายุเรามากขึ้น ต้นขาของธัญญ่าซึ่งค่อนข้างใหญ่ แขนก็เริ่มใหญ่ ถ้าเราไม่ดูแลรักษามันก็จะอ้วนไปตามวัย จึงจำเป็นต้องดูแล ส่วนหน้าตาที่สดใส มันก็มาจากจิตใจที่เบิกบาน เพราะไม่ทุกข์แล้วในตอนนี้ค่ะ"

ธัญญ่า

"ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย ขอเอาสั้นๆ เป็นช่วงๆ ไปก่อนดีกว่าค่ะ" ดาราสาว "ธัญญ่า-ธัญญาเรศ" เผยถึงการวางแผนชีวิตตัวเอง

และ กล่าวต่อว่า "ตอนนี้เราก็พร้อมจะกลับมาทำงานแล้ว จากนี้ไปเดือนหน้าต้นเดือนคงจะกลับไป อเมริกาก่อน อยู่อเมริกาน่าจะ 2-3 เดือน จากนั้นก็จะกลับมาอยู่เลย เอาลียามาอยู่ด้วย มาเรียนเมืองไทย ไม่อยากจะคิดไปไกล กลัวเกิดอะไรแบบไม่คาดคิด ขอเอาใกล้ๆ ก่อนดีกว่าค่ะ"

"ที่ ผ่านมาที่ยังไม่รับงาน บอกตรงๆ ยังไม่มั่นใจว่าจะกลับมาอยู่อะไรยังไง เพราะเรื่องต่างๆ ยังคาราคาซัง แต่พอตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแบบนี้ ก็ชัดเจนขึ้นว่าเราจะทำอะไรอย่างไรต่อไป"

ส่วนกับลูกสาว "น้องลียา" นั้น คุณแม่ยังสวยกล่าวว่า "ตอนนี้เขาเริ่มที่จะพูด ซึ่งแรกๆ จะพูดอังกฤษ แต่ช่วงนี้มาอยู่เมืองไทยก็เริ่มจะได้ภาษาไทย ก็อยากจะให้เขาพูดได้ 2 ภาษา แต่ไปอีกไม่กี่เดือนก็จะต้องกลับมา คงจะพูดเท่าที่เขาจะพูดได้ แต่มาเมืองไทยเราก็จะสอนต่อ และพอมาเมืองไทยทุกซัมเมอร์ก็จะพาไปหายายที่อเมริกาเพื่อให้เขาได้ภาษา"

ถามว่าถ้าอยากจะให้ลียาได้ภาษา ทำไมไม่ให้อยู่ที่อเมริกากับคุณยายเลย ดาราสาวปฏิเสธ "ไม่ได้ไม่ได้...โอ้ย...คิดถึงตายเลย"

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งท้องเขาจริงๆ

ธัญญาครวญ "โห..มันยิ่งกว่ารู้สึกกว่านั้นค่ะ เพราะว่าที่ผ่านมาเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด ดูแลเขามาตั้งแต่คลอด อาจจะขาดช่วงที่อยู่ในท้องไป แต่ว่าทุกๆ อย่างเขาก็คือตัวเรา มาจากตัวเราค่ะ"

ในอนาคต อยากจะให้ลียาเข้าวงการหรือเปล่า ดาราสาวแง้มว่า "ธัญญ่าจะเลี้ยงเขาไปเป็นตามธรรมชาติ เลี้ยงเขาแบบไทยผสมฝรั่ง ไม่ได้ตามใจมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดเข้มงวด เอาพอประมาณ ส่วนเรื่องวงการก็อยู่ที่เขาค่ะ ถ้าเขาชอบเราก็ไม่ห้าม"

"ส่วน เรื่องแววว่าเขามีแววมั้ย ธัญญ่าก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า เพราะเขาเป็นคนที่ชอบเต้น ชอบร้องเพลง ซึ่งเป็นเพลงอะไรก็ไม่รู้ เป็นภาษาของเขาเอง และก็จะเต้นๆ โตขึ้นอาจจะชอบวงการมั้ง ไม่รู้ ส่วนการแสดงไม่รู้ค่ะ"

ถ้าวันหนึ่ง "เป๊ก" หรือตัว "ธัญญ่า" เองมีแฟนใหม่ จะบอกลูกอย่างไร ธัญญ่าเผยน้ำเสียงจริงจัง "ก็คงจะต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ธัญญ่าว่าพอถึงเวลานั้นเขาอาจจะเติบโตและชินกับชีวิตแบบที่ พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อาจจะไม่ต้องพูดอะไรเยอะเหมือนกับเด็กโตแล้วที่พ่อแม่เลิกกัน"

"อย่าง หลานธัญญ่า พ่อแม่เขาเลิกกันแต่หลานโตหน่อยก็จะเกิดปัญหา เพราะเขารู้เรื่องแต่ไม่เข้าใจ ก็ต้องพูดด้วยเหตุด้วยผลค่อนข้างเยอะค่ะ" ธัญญ่ากล่าว