บทประพันธ์โดย : จาวตาล
บทโทรทัศน์โดย : ฟีนิกส์
กำกับการแสดงโดย : กฤษณพงศ์ ราชธา และ เฉิดบุญ ภักดีวิจิตร
ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3
เรื่องย่อละคร ลิขิตแห่งจันทร์
ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อ โอปอล ผู้หมวดสาวห้าวฝีมือฉกาจแห่งกองปราบปรามต้องพลัดภพไปก่อความชุลมุนในกรุงศรีอยุธยา และ ดวงแก้ว แม่หญิงงามแห่งกรุงศรีอยุธยา นางในแห่งวังหลวงที่เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ กลับต้องมาสวมบทผู้หมวดสาวบู๊ห้าวก๋ากั่นปราบโจรยุค 2562 ความวุ่นวายที่อิ่มเอมไปด้วยความรักจึงได้เริ่มขึ้น
คืนพระจันทร์เต็มดวง ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ก้าน (นริศสันต์ โลกวิทย์) ทหารผู้ภักดีต่อราชวงศ์กำลังถูกไล่ล่า เขาปกป้องกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุสาส์นสำคัญยิ่งไว้ข้างใน ก้านถูกทั้งคมดาบและธนูฟันแทงทั่วร่างเลือดโทรมกายนอนหายใจรวยรินใกล้สิ้นใจในอีกไม่ช้า ชายหนุ่มมองดวงจันทร์ตั้งจิตอธิษฐานขอให้มีผู้หวังดีต่อบ้านเมืองมารับช่วงต่อส่งสาส์นลับให้ถึงมือแม่ทัพใหญ่ ก่อนจะเกิดแสงสว่างไปทั่วบริเวณ...
ขณะนั้น ณ ช่วงเวลาปัจจุบันพ.ศ.2562 ในโกดังร้าง ร้อยตำรวจโทโอปอล (น้ำตาล-พิจักขณา วงศ์รัตนศิลป์) มือปราบสาวมากฝีมือได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับ ร้อยตำรวจโทพิภพ (กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์) ผู้หมวดหนุ่มอารมณ์ดีคู่หูของเธอในหน่วยคอมมานโดจับกุมขบวนการโจรกรรมวัตถุโบราณล้ำค่าที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลกได้สำเร็จ จากนั้นโอปอลจึงขี่มอเตอร์ไซด์คู่ใจมาหาแฟนหนุ่ม คิมหันต์ (เมธัส ตรีรัตนวารีสิน) นักธุรกิจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่งานเปิดแกลเลอรี่ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เพราะรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ คิมหันต์ตกใจที่โอปอลมางานหรูในมาดเซอร์ ๆ ทั้งยังก่อเรื่องชกต่อย บวร (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) หุ้นส่วนของคิมหันต์ เขาทั้งอับอายและระอาใจกับความใจร้อนวู่วามของโอปอลนับครั้งไม่ถ้วน โอปอลก็น้อยใจ ทั้งที่พยายามประคับประคองความรักครั้งนี้มานานหลายปี ทั้งคู่จึงประชดขอเลิกกัน แต่ในงานคืนนั้น คิมหันต์ได้เจอ ป๋อมแป๋ม (ภรภัทรา ทวีพันธุรัตน์) นางแบบสาวเซ็กซี่ทั้งคู่ต่างคลิกกันในทันที ป๋อมแป๋มรีบอ่อยคิมหันต์ ต่างฝ่ายต่างรู้จุดประสงค์กันและกัน
โอปอลเสียใจเรื่องคิมหันต์จึงบิดมอเตอร์ไซค์ออกต่างจังหวัด ขับไปอย่างไม่มีจุดหมายในคืนพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างบนถนนเส้นทางไปจังหวัดอยุธยา ฉับพลันท้องฟ้าก็เกิดวิปริตแปรปรวน เมฆบังแสงจันทร์ ฟ้าผ่าลงมาใกล้จุดที่โอปอลกำลังขับรถ ทันใดนั้น ก้าน ชายฉกรรจ์ในชุดนักรบโบราณโชกเลือดก็ปรากฏตัวกลางถนนตัดหน้ารถ โอปอลหักหลบกะทันหันจนรถเสียหลักล้ม ร่างโอปอลกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น เมื่อพยายามถอดหมวกกันน็อคออกเพ่งมอง ชายลึกลับก็ได้ฟาดเข้าที่ศีรษะของเธออย่างแรงจนโอปอลหมดสติไปทันที
คืนนั้นในห้วงแห่งนิมิต โอปอลได้พบกับหญิงสาวในชุดไทยโบราณนามว่า ดวงแก้ว (น้ำตาล-พิจักขณา วงศ์รัตนศิลป์) ซึ่งมีใบหน้าเหมือนเธอราวกับเป็นคน ๆ เดียวกัน ทั้งยังเห็นครอบครัวของเธอแต่งชุดโบราณอยู่บนเรือนไทยห้อมล้อมด้วยบ่าวไพร่ อีกทั้งได้สบตากับชายหนุ่มในชุดคุณหลวงสุดหล่อมีออร่า จนโอปอลไม่อยากตื่นจากฝัน รุ่งขึ้นโอปอลฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล มีพิภพ ผู้หมวดคู่หูมาเยี่ยม โชคดีที่โอปอลอาการไม่สาหัสเมื่อถามถึงเหตุการณ์เมื่อคืน โอปอลกลับได้รู้ว่า ชายใส่ชุดโบราณที่เจอกลางถนนนั้นเสียชีวิตแล้ว เมื่อไปดูศพก็ไม่พบหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน นอกจากกระบอกไม้ไผ่ที่บรรจุกระดาษเปล่าและพบรอยสักที่ต้นแขนเป็นรูปพระจันทร์
ในอีกห้วงมิติหนึ่งปี พ.ศ. 2248 ในยุคที่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี (อยุธยาตอนปลาย) ซึ่งเป็นยุคที่ดูเหมือนบ้านเมืองจะสงบสุขไม่มีการศึกสงคราม แม่หญิงโฉม (ณัฐวรา วงศ์วาสนา) ลูกสาวของ เฉลา (วาสนา พูนผล) อิจฉาริษยาแม่หญิงดวงแก้ว เพราะโฉมแอบรู้มาว่ากำลังจะมีการหมั้นหมายของดวงแก้วกับ หลวงโอสถวรเวช (เพื่อน-คณิน ชอบประดิถ) แพทย์หลวงแห่งกรมหมอหลวง ที่เพิ่งได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้น ทั้งยังเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของ พระยาสีหนาท (วสุ แสงสิงแก้ว) แม่ทัพใหญ่และ คุณหญิงมณี (สาวิตรี สามิภักดิ์) ซึ่งเป็นผู้รากมากดีทุกกระเบียดนิ้ว โฉมและ อีจวน (ลาวัลย์ โทนะหงษ์) บ่าวคนสนิทจึงวางอุบายให้ชายฉกรรจ์มาดักทำร้ายหวังขืนใจดวงแก้ว โชคดีที่พลับตามหลวงโอสถวรเวชมาช่วยดวงแก้วไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างแผลใจให้กับดวงแก้วอย่างยิ่งที่เป็นได้เพียงหญิงอ่อนแอ ไม่อาจปกป้องตนหรือปกปักษ์แผ่นดินให้ท่านพ่อภูมิใจได้ เฉกเช่นชายชาติทหาร
ด้านยุคปัจจุบัน วัตถุโบราณของกลางที่หน่วยของโอปอลยึดได้ทั้งหมดถูกนำมาเก็บไว้ที่ห้องเก็บหลักฐาน เพื่อตรวจพิสูจน์เตรียมส่งคืนเจ้าของและแหล่งที่มา ดร.เฟื่อง (สมชาย ศักดิกุล) ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณซึ่งมีบุคลิกสติเฟื่องสมชื่อจึงถูกเชิญตัวออกมาจากป่าลึกเพื่อมารับหน้าที่สำคัญนี้ ทันทีที่ได้เห็นกองสมบัติล้ำค่า ดร.เฟื่องกลับดีใจแทบเสียสติที่ได้เห็นกระบอกไม้ไผ่อีกครั้ง
พันตำรวจโทกฤษณะ (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) ผู้บังคับบัญชาแห่งกองปราบปรามได้มอบหมายให้โอปอลและพิภพยกกำลังคุ้มกันขบวนรถคอนเทนเนอร์บรรทุกวัตถุโบราณที่ยึดมาได้ ไปส่งคืนแหล่งที่มา โดยไม่มีใครรู้ว่าคิมหันต์และบวรคือหัวหน้าขบวนการผู้อยู่เบื้องหลังและได้จ้างวานให้ ร้อยตำรวจโทเบญญา (ชาเคอลีน มึ้นซ์) ผู้หมวดสาวคู่อริตลอดกาลของโอปอลได้แทรกซึมเข้ามาในกรมตำรวจเพื่อส่งข้อมูลเส้นทางการขนย้ายของตำรวจให้แก่ขบวนการของบวร ทำให้รถคอนเทนเนอร์ถูกดักปล้น คนร้ายชิงรถพร้อมของกลางไปได้ โอปอลและพิภพทำงานผิดพลาดครั้งใหญ่จนทำให้ทั้งคู่ถูกกฤษณะสั่งให้พักราชการไม่มีกำหนด แถมสิงห์อาชญากรตัวฉกาจ ลูกน้องบวรยังสามารถหลบหนีออกจากคุกไปได้
โอปอลที่ถูกพักงานหนีแม่มาบ้านของพิภพ ได้มาเจอภาพวาดโบราณ ที่พลตำรวจเอก ประเสริฐ พ่อของพิภพได้ซื้อมาจากแกลเลอรี่ของคิมหันต์ โอปอลรู้สึกผูกพันกับภาพงานวันลอยประทีปสมัยอยุธยาที่สวยงามนั้นอย่างประหลาด แต่แล้วก็เริ่มตกใจสุดขีดเมื่อภาพวาดมีเสียงดนตรีไทยดังออกมา ผู้คนและบ้านเรือนในภาพมีการเคลื่อนไหว เธอจึงลองสัมผัสที่ภาพวาดช้า ๆ จังหวะนั้นเองภาพวาดก็ดูดร่างของโอปอลหายเข้าไปในทันที และขณะเดียวกันในสมัยอยุธยาภาพวาดที่ลายเดียวกันกับภาพในปัจจุบันซึ่งอยู่บนผนังเรือนในห้องดวงแก้วก็เกิดเคลื่อนไหวพร้อมกัน ดวงแก้วเข้าไปลองสัมผัสภาพวาดจึงดึงร่างของดวงแก้วหายเข้าไปในแสงจ้าเช่นกัน
ณ บ้านของหมวดพิภพ ร่างของดวงแก้วที่ข้ามมิติมานอนสลบอยู่ เมื่อดวงแก้วฟื้นขึ้นก็ตกใจมากที่เธอมาอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย พิภพเห็นดวงแก้วท่าทางเซ่อ ๆ ซ่า ๆ หนำซ้ำยังแต่งชุดไทยโบราณก็ขำกลิ้ง แต่เมื่อได้คุยกันก็ทำให้เขาชักตลกไม่ออก เพราะดูเหมือนว่าโอปอลคู่หูของเขาจะมีปัญหาความจำเสื่อมจากการที่สมองถูกกระทบกระเทือน และยังเพ้อว่า ตนมาจากกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มีใครเชื่อดวงแก้วสักคน
ในยุคกรุงศรีฯ โอปอลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาโดย อีพลับ (อินทิรา ยืนยง) บ่าวประจำเรือนของ พระยาฤทธิ์ปรีชา (ศุกล ศศิจุลกะ) และ แม่ดวงเดือน (นัฏฐา ลอยด์) ผู้เป็นท่านพ่อและท่านแม่ของดวงแก้วเธอ พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของบ้านทรงไทยโบราณ และยิ่งแปลกใจเมื่ออีพลับซึ่งมีหน้าเหมือนแจ่มสาวใช้ที่บ้านโอปอลแต่กลับเรียกเธอว่าแม่หญิง ส่วนพระยาฤทธิ์ปรีชาและแม่ดวงเดือนก็หน้าเหมือนรัฐมนตรีดำรงและคุณหญิงอัญชลี ผู้เป็นพ่อแม่ของโอปอล ทุกคนต่างแต่งชุดไทยห่มสไบเฉียง ดวงเดือนเห็นโอปอลซึ่งมีใบหน้าเหมือนกับดวงแก้วมิมีผิดเพี้ยน แต่แต่งตัวผิดแผกวิปลาศ จึงสั่งให้พลับลากตัวโอปอลไปเปลี่ยนชุดใหม่ โอปอลที่กำลังช็อกก็สู้สุดใจขาดดิ้นและได้สร้างความวุ่นวายให้กับงานลอยประทีปด้วยอุปกรณ์ยุคใหม่ที่ติดตัวมา เนื่องจากเธอคิดว่า ทุกคนจัดฉากลอยกระทงย้อนยุคในโรงถ่ายเพื่อแกล้งเธอที่ไม่ทำตัวเป็นกุลสตรี
หลวงโอสถวรเวชเองก็ประหลาดใจที่เห็นดวงแก้วพูดจาผิดแผก แถมต่อว่าเขาต่าง ๆ นานา ที่ยอมให้พ่อแม่จับคู่กับตน พระยาฤทธิ์ปรีชาและแม่ดวงเดือนเข้าใจว่าลูกสาวถูกผีเข้า จึงได้ตามหมอผีมาขับไล่ มิวายโอปอลต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ไล่หมอผีจนหนีหัวซุกหัวซุน ร้อนถึงหลวงโอสถวรเวชต้องมาช่วยรักษาให้หายจากอาการสติวิปลาส โดยหารู้ไม่ว่า บัดนี้ดวงแก้วตัวจริงได้ไปเผชิญชะตากรรมอยู่ที่ภพอื่นเสียแล้ว
ด้านดวงแก้วก็พยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดได้ในยุค 2562 โดยมีพิภพเป็นผู้ดูแล ทางกองปราบให้โอปอลกลับมาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม แต่คนที่กลุ้มใจที่สุดคือพิภพ เพราะคู่หูดูอาการหนักไม่รู้จักว่าตำรวจต้องทำหน้าที่อะไรจึงต้องมีการฝึกฝนกันใหม่ ดวงแก้วต้องแต่งเครื่องแบบออกไปจับผู้ร้าย แต่สุดท้ายก็ทำงานสำเร็จด้วยไหวพริบปฏิภาณบวกกับความมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ทำให้ทั้งคู่ได้รับคำชมเชย แต่ความเปลี่ยนแปลงของดวงแก้วก็อยู่ในสายตาของเบญญาที่คอยจับผิดอยู่ตลอด แถมยังคิดว่าโอปอลเป็นศัตรูหัวใจที่แย่งความสนใจของพิภพไปจนหมด จ่าเริง (จักรพันธ์ จันโอ) ลูกน้องคนสนิทของพิภพก็ดูออกว่า พิภพกลับมาหลงรักโอปอลอีกครั้ง! ทั้งที่พิภพไม่เคยบอกใคร และได้ตัดใจจากโอปอลไปนานแล้ว
ด้านโอปอลเมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในกองถ่ายหนังย้อนยุค แต่อยู่ในยุคโบราณจริง ๆ ก็สติแตกพยายามโดดใส่ภาพวาดเพราะอยากกลับภพเดิม แต่ก็ไม่สำเร็จ หลวงโอสถได้ยินเสียงโอปอลร้องลั่นวิ่งกระแทกฝาผนัง คิดว่าโอปอลทำร้ายตัวเองจึงเข้าไปช่วยปลอบ โอปอลตัดสินใจเล่าความจริงให้ฟังว่า ตนมาจากอนาคตพร้อมโชว์ของในกระเป๋าเป้ที่มาจากโลกปัจจุบันให้โอสถดูจนคุณหลวงยอมเชื่อ จากนั้นโอสถจึงพยายามช่วยโอปอลหาทางกลับบ้านด้วยการช่วยสืบที่มาของรูปภาพ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยด้วยความพยายามนี้ทำให้สองคนสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น จนโฉมออกอาการหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด
ระหว่างที่โอปอลเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ชื่นชมบรรยากาศสมัยโบราณ ก็พบกลุ่มนักเลงหัวไม้กำลังรีดไถชาวบ้านและรังแก แก่น (ด.ช.เดชาธร วสุรัตต์) เด็กชายลูกแม่กิ่งแม่ค้าในตลาด ผู้เป็นลูกชายของก้านเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของโอปอลก็เดือดพล่าน จึงปลอมตัวปิดหน้าเข้าไปจัดการจนกลุ่มนักเลงแตกกระเจิงสะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน ชาวบ้านต่างตกตะลึงว่า นักสู้ปริศนานี้คือผู้ใด แก่นได้แอบตามโอปอลไปและขอฝากตัวเป็นศิษย์ ฝากชีวิตเป็นข้ารับใช้ติดสอยห้อยตามโอปอลเพื่อทดแทนบุญคุณ ทั้งคู่จึงกลายเป็นคู่หูต่างวัยในทันที
โอปอลไปมาหาสู่ที่หมู่บ้านของแก่นจนคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอย่างดี และรับรู้ว่าชาวบ้านยังคงถูกนักเลงรังแกอยู่บ่อย ๆ จึงคิดจะสร้างโรงเรียนสอนการต่อสู้เพื่อให้ทุกคนได้มีวิชาติดตัว ข่าวเรื่องที่โอปอลเปิดสำนักสอนวิชาหมัดมวยกระฉ่อนไปถึงหูของอีจวน จึงมิวายรีบคาบข่าวมาบอกนาย โฉมได้ทีเห็นท่าทางดวงแก้วแปลกไปดังจวนว่า จึงถือโอกาสนี้ยุให้ เสด็จ (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) พระธิดาของกษัตริย์องค์ก่อนเจ้านายฝ่ายใน ที่โฉมกับดวงแก้วมาถวายตัวเป็นข้ารับใช้ในตำหนักจัดการประชันงานฝีมือระหว่างโฉมและดวงแก้วขึ้น เสด็จเห็นดีด้วยจึงตั้งโจทย์ 3 ประการให้ทั้งคู่แข่งกันคือ เครื่องคาวหวาน งานปักผ้าและงานเครื่องแขวนดอกไม้สด คุณหญิงมณีรับคำท้าแทนโอปอล เพราะอยากเห็นฝีมือว่าที่ลูกสะใภ้ โอปอลนึกสนุกไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะจึงตอบตกลง แต่เมื่อถูกโฉมกล่าวท้าทายโอปอลจึงฮึดสู้อยากลองชนะแม่หญิงยุคโบราณดูสักตั้ง
หลวงโอสถวรเวชอดเป็นห่วงโอปอลไม่ได้ จึงขอให้คุณหญิงมณีช่วยสอนการบ้านงานเรือนให้ และคอยแอบมองอมยิ้มทุกครั้งกับท่าทางขัด ๆ เขิน ๆ ในการฝึกของโอปอล แม่ดวงเดือนทนฝีมือที่ตกต่ำลงของลูกสาวไม่ไหว แอบทำของมาสับเปลี่ยนแทนก่อนจะให้มณีตรวจงานทุกครั้ง หลวงโอสถวรเวชตกหลุมรักโอปอลที่แสนกระโดกกระเดกคนนี้โดยไม่รู้ตัว ฝ่ายโอปอลยิ่งเห็นกิริยาท่าทางอันแสนเรียบร้อยและเป็นสุภาพบุรุษเหนียมอายของโอสถยิ่งหมั่นไส้ คอยแกล้งคุณหลวงขี้เก๊กให้ขวยเขินอยู่ร่ำไป แต่โอสถก็ใช้สติปัญญาอันปราดเปรื่องสยบเธอได้ทุกครั้งทำให้โอปอลรู้สึกอบอุ่นใจเวลาอยู่ใกล้ชิดเขา
วันที่โอปอลเข้าร่วมประชันงานฝีมือในราชสำนักได้มาถึง ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่อาจเอาชนะนางในอย่างโฉมด้วยฝีมือได้ จึงสู้ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ใช้แนวคิดฟิวชั่นอาหารโบราณกับสมัยใหม่ และจัดจานอาหารคาวหวานถอดแบบเชฟจากโรงแรมห้าดาว ปักผ้า และร้อยดอกไม้เครื่องแขวนด้วยลวดลายกราฟิกในยุคตัวเอง แม้รสชาติและฝีมือจะแพ้โฉมหลุดลุ่ย แต่กลับถูกพระทัยเสด็จฯ ถึงกับรับสั่งให้โอปอลมาช่วยสอนวิถีใหม่ ๆ ให้เหล่านางใน ทำให้คุณหญิงมณีพลอยปลาบปลื้มยอมรับโอปอลในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ ส่วนโฉมยิ่งเจ็บใจที่ผิดแผน
อีกภพหนึ่ง ณ อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ดวงแก้วได้ร่วมออกงานถ่ายแบบชุดไทยและเครื่องประดับโบราณเพื่อช่วยงานคุณหญิงอัญชลี ทั้งยังได้แสดงฝีมือร่ายรำอันแสนอ่อนช้อยจนครอบครัวและเพื่อนร่วมงานอึ้งตะลึงไปตาม ๆ กัน พิภพเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับโอปอลที่อ่อนหวานนุ่มนวลมากกว่าคู่หูสุดห้าวใจร้อนคนเดิม แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้กลับทำให้คิมหันต์ตามมาง้อโอปอล และยิ่งหึงหวงกันท่าพิภพอย่างชัดเจน ในงานถ่ายแบบนี้เบญญาร่วมมือกับนางแบบวางแผนสับเปลี่ยนเพื่อขโมยเครื่องประดับโบราณชิ้นที่ดวงแก้วใส่ตามคำสั่งของคิมหันต์ แต่ดวงแก้วเคยดูแลเครื่องภูษาเสด็จมาก่อนทำให้ดูออกว่าเครื่องประดับเป็นของปลอมที่โดนสับเปลี่ยน จึงทำให้พิภพรู้ตัวและจับคนร้ายยึดของกลางกลับมาได้ทัน
ฝั่งอยุธยา ขณะนั้นเกิดเหตุฆาตกรรมขุนนางระดับสูง พระยาอนุรักษ์ (วัชรชัย สุนทรศิริ) ผู้เป็นนายของก้านถูกสังหารยกครัว พระยารามณรงค์กับขุนสุนทรถูกวางยาพิษ พระยาฤทธิ์ปรีชาและหลวงโอสถถูกตามให้ไปดูศพ โอปอลจึงแอบตามไปด้วย ระหว่างที่ทุกคนกำลังหาสาเหตุการตายแบบถูก ๆ ผิด ๆ โอปอลก็ไปร่วมชันสูตร และสามารถสันนิษฐานการตายว่า เกิดจากพิษได้อย่างน่าทึ่ง แต่กลับสร้างความไม่พอใจแก่ หลวงอรรถกร (ฐกฤต ตวันพงศ์) ขุนนางกรมคลัง ผู้อยู่เบื้องหลังการวางแผนฆาตกรรม เขาแอบใช้ให้ ยอด (กัญจน์ ภักดีวิจิตร) ทหารคนสนิทของพระยารามณรงค์ เป็นคนทรยศหักหลังลงมือวางยานาย และหลวงอรรถกรก็เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ก่อกบฏซึ่งมีบันทึกอยู่ในกระดาษในกระบอกไม้ไผ่ของก้าน
อรรถกรร่วมมือกับ พระยาภักดีพินิจฉัย (ธนายง ว่องตระกูล) ขุนนางผู้สืบเชื้อสายจากกษัตริย์ราชวงศ์ก่อนซ่องสุมกำลังคนซึ่งเป็นขุนนางและทหารที่ตกระกำลำบากจากราชวงศ์ที่แล้วมาเป็นพวก เบื้องหน้าพระยาภักดีแสร้งเป็นตุลาการที่เที่ยงธรรม แต่ลับหลังได้ลักลอบซื้ออาวุธมาจากฝรั่งสั่งสมไว้ เตรียมก่อการกบฏ หลวงอรรถกรเป็นคนออกหน้าจัดการทุกอย่าง โดยมีพระยาภักดีชักใยอยู่เบื้องหลัง
ฝ่ายพระยาฤทธิ์ปรีชาได้รับหน้าที่ให้สืบคดีฆาตกรรมทั้งหมดจึงปรึกษาพระยาสีหนาท สงสัยว่าคดีมีเงื่อนงำ ทั้งคู่จึงตกลงทำแผนลวงทุกคน สีหนาททำทีเข้ากับฝ่ายอรรถกร จึงสร้างเรื่องมีปากเสียงขัดคอกับฤทธิ์ปรีชาจนครอบครัวรวมถึงพระยาภักดีและหลวงอรรถกรหลงเชื่อว่า ทั้งคู่แตกคอกันจริง ดวงเดือนกับมณีห่วงไปถึงเรื่องหมั้นหมายของโอปอลกับโอสถ เพราะสีหนาทกับฤทธิ์ปรีชาตีบทแตก ประกาศตัดขาดความเป็นพี่น้อง
หลวงโอสถมอบหมายให้ พันฉาย (เกียรติกมล ล่าทา) พี่ชายของโฉมลูกมือบดยาที่ถนัดเรื่องสมุนไพรและยาพิษช่วยสืบคดีอีกแรง โดยหารู้ไม่ว่าฉายได้ตกลงร่วมมือกับหลวงอรรถกรไปแล้ว อรรถกรนั้นรู้จุดอ่อนของฉาย ว่าเป็นคนทะเยอทะยาน อยากก้าวหน้าจึงเสนอให้ร่วมก่อกบฏ โดยต่อรองเงินและตำแหน่งให้หากงานสำเร็จ ขณะที่โอสถเข้าไปช่วยรักษายอดที่โดนอรรถกรวางยาปิดปากจนคลุ้มคลั่งโอสถก็เอาเศษยาหม้อกลับมาให้ฉายสืบ แต่ฉายกลับตั้งใจขายข่าวให้อรรถกรแถมยังลอบเข้ามาปลิดชีพยอดด้วยยาพิษถึงในโรงยาของหลวงโอสถเอง
ด้านโอปอลเปิดสอนหมัดมวยให้ชาวบ้านจนรู้จักป้องกันตัว และได้ข้อมูลว่านักเลงที่มาขูดรีดเงินเป็นคนของหลวงอรรถกร ชาวบ้านที่ปลูกข้าวถูกขู่ให้ส่งเสบียงอาหาร เกณฑ์คนบังคับให้ไปทำงานบางคนถูกสั่งให้ขุดหาแร่ขุดหลุมปริศนาไว้ใช้ฝังซ่อนอาวุธกับฝังคนงานที่ขู่มาใช้แรงงานแล้วฆ่าทิ้ง พวกอรรถกรอ้างหลวงเป็นผู้สั่งหากใครขัดขืนถูกทำร้ายเผาเรือนเผาที่นา ทุกคนที่ถูกเกณฑ์ไปหายสาบสูญไม่มีใครได้กลับมาอีก โอสถไม่เชื่อว่าทางการรังแกเอาเปรียบราษฎร โอปอลจึงชวนโอสถสืบหาต้นตอ ทั้งคู่ได้พบกับหมู่บ้านซ่องสุมกำลังและอาวุธกลางป่า แต่กลับพลาดท่าโดนอรรถกรจับตัวไว้ได้
ด้านดวงแก้วได้รับมอบหมายให้วางแผนจับกุมองค์กรค้ามนุษย์ โดยให้ดวงแก้วปลอมตัวเป็นนางแบบเข้าไปในโมเดลลิ่งที่ล่อลวงหญิงสาวให้เดินทางไปต่างประเทศและจะถูกจับไปขายซ่อง พิภพจึงปลอมตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัวเฝ้าติดตามไปเป็นองครักษ์พิทักษ์ดวงแก้วอย่างใกล้ชิด
อีกด้านหนึ่ง ในฝั่งโฉมหลังจากที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน แม้โฉมชนะการประชันแต่เสียหน้า ที่โอปอลกลายเป็นคนโปรดของเสด็จฯ โอปอลได้เข้าไปดูแลห้องตะวันตกซึ่งเป็นห้องเก็บความลับของดร.เฟื่อง ส่วนโฉมได้เลื่อนขั้นไปดูแลห้องภูษาของเสด็จฯ โฉมอิจฉาโอปอลที่ทั้งรักทั้งงานกำลังรุ่ง คิดเอาจริงไปตลาดฝรั่งศึกษาเทคนิคสมัยใหม่บ้าง หวังเอาหน้ากับเสด็จฯ ทั้งที่เคยกลัวฝรั่ง และต่อต้านมาตลอด คิดว่าฝรั่งกักขฬะ แต่หลังจากชนกับ เฮนรี่ (ดนตรี วัณณรถ) พ่อค้าชาวอังกฤษที่ท่าเรือสินค้าเสมือนท้องฟ้าวิปริตผิดไป ทันใด... โฉมกับเฮนรี่ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ เฮนรี่ตามจีบโฉม จนเฉลารู้เรื่องลมใส่ไม่พอใจ แต่ก็ใจอ่อนเมื่อได้เห็นของกำนัลสารพัดที่เฮนรี่ส่งมาให้โฉมที่บ้าน
ในอดีต... เฮนรี่นั้นเคยได้เจอกับดร.เฟื่องที่เดินทางข้ามภพมาก่อนโอปอล ทั้งคู่คุยถูกคอเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่สำเนียงฝรั่งของเฮนรี่ทำให้ชื่อ ดร.เฟื่องเพี้ยนเป็นพ่อเฟื้อง เฮนรี่ชอบภาพวาดของเฟื้องจึงแนะนำให้เฟื้องได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเสด็จฯ เสด็จฯ ได้ขอให้เฟื้องวาดภาพวันลอยประทีปให้ แต่เฟื้องยังไม่ทันได้วาดถวายเสด็จฯ เพราะมัวแต่ไปช่วยก้านที่ถูกไล่ล่าจนพลัดตกน้ำ และข้ามภพกลับยุคปัจจุบันแบบงง ๆ เมื่อเฟื่องกลับมาถึง สติก็เลอะเลือนความทรงจำช่วงที่ย้อนอดีตไปกลับเลือนรางจนกระทั่งได้พบกับกระบอกไม้ไผ่ที่ก้านเคยถืออีกครั้ง และได้พูดคุยกับดวงแก้วที่มาจากยุคอดีต ความทรงจำของดร.เฟื่องจึงเริ่มกลับมา
โฉมคิดแผนเอาคืนโอปอลโดยขอสมุนไพรจากฉายไปใส่อบร่ำผ้าให้เสด็จฯ ตั้งใจให้มีกลิ่นหอมเพื่อเอาชนะโอปอลโดยไม่รู้ว่า ฉายตั้งใจให้โฉมหยิบเกสรดอกไม้ที่เสด็จฯ ทรงแพ้ไปเพื่อป้ายสีโอปอล ภายหลังเสด็จฯ แพ้เกสรดอกไม้ที่โฉมแอบใส่ตอนอบร่ำผ้าตามแผนของฉาย ขณะนั้นโอสถและโอปอลโดนพวกอรรถกรจับตัวไว้ที่ชายป่า ฉายจึงฉวยโอกาสอาสาตัวเข้ามารักษาเสด็จฯ เขาวิเคราะห์สมุนไพรแบบตาเห็น สั่งยารักษาจนเสด็จฯ หายประชวร เสด็จฯ จึงประทานเข็มกลัดที่ซื้อจากเฮนรี่ พ่อค้าฝรั่งเพื่อนของพ่อเฟื้องให้ฉายเป็นรางวัล แถมฉายยังช่วยโฉมให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหาวางยาเสด็จฯ โดยตั้งข้อสงสัยไปที่น้ำปรุงที่โฉมใช้อบร่ำซึ่งเป็นฝีมือการปรุงของโอปอล
อีกด้านหนึ่ง ดวงแก้วแฝงตัวเป็นนางแบบจนสาวไปถึงแก๊งค้ามนุษย์ของ ต้น โมเดลลิ่ง (ชญาน์ทัต อยู่เป็นแก้ว) เครือข่ายของบวรและคิมหันต์ที่ล่อลวงหญิงสาวไปขังไว้ยังโกดังร้าง โดยมีป๋อมแป๋มติดร่างแหไปด้วย ดวงแก้วกับพิภพช่วยป๋อมแป๋มกับผู้หญิงได้บางส่วน ทั้งคู่จึงขอกำลังเสริมวางแผนบุกจับการขนส่งผู้หญิงล็อตใหญ่ที่โกดังท่าเรือ ดวงแก้วเริ่มเรียนรู้จากพิภพถึงการทำหน้าที่ตำรวจและความทุ่มเทของการเป็นผู้พิทักสันติราษฎร์ทำให้จิตใจเข้มแข็งและกล้าแกร่งมากขึ้น ดวงแก้วกลายเป็นคู่หูร่วมกันบุกทลายแก๊งค้ามนุษย์ได้สำเร็จ ช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกจับออกมาได้ทั้งหมด แต่เบญญาหาทางช่วยคิมหันต์กับบวรรอดไปได้ คิมหันต์จวนตัวจึงสั่งสิงห์เก็บต้นโมเดลลิ่งเพื่อปิดปาก
สิงห์ได้ปะทะกับพิภพและดวงแก้ว เขาหนีเอาตัวรอดได้แต่กลับไปติดอยู่ในโกดังร้าง วิญญาณก้านปรากฏเพื่อเตือนให้สำนึกหวงแหนสมบัติของชาติ และให้กลับตัว สิงห์กลัวช็อกจนเสียสติ ถูกจับตัวได้พร้อมของกลางในที่สุด แต่ไม่สามารถให้การพาดพิงถึงผู้ว่าจ้างได้
จ่าเริงรายงานว่า เลขบัญชีที่พิภพแอบถ่ายมาจากสมุดบัญชีของต้นเป็นของคิมหันต์ แต่เบญญาได้ลอบเข้ามาลบข้อมูลที่จะเชื่อมโยงเอาผิดคิมหันต์ในฐานข้อมูลของตำรวจทั้งหมด เนื่องจากคิมหันต์ใช้คลิปลับที่เบญญาร่วมนอนกับเขาข่มขู่แบล็คเมล์มาตลอด เบญญากลัวเสียหน้าที่การงาน อีกทั้งไม่อยากให้พิภพเห็นภาพเสื่อมเสียของตน จึงจำใจต้องทำตามคำสั่งคิมหันต์ทุกอย่าง พิภพพยายามเช็คกล้องวงจรปิด และคุ้นเคยท่าทางการต่อสู้ของคนร้ายที่ลอบเข้าทำลายหลักฐานของคิมหันต์ เขาสงสัยเบญญาแต่เบญญายังคงปฏิเสธ
ขณะที่ฝั่งอยุธยา โอปอลกับโอสถหนีรอดจากลูกน้องอรรถกรมาได้ เมื่อกลับถึงเรือนโอปอลเอาข่าวไปบอกฤทธิ์ปรีชาว่า มีหมู่บ้านซ่องสุมกำลังคน ขอให้พ่อนำกำลังไปปราบ แต่อรรถกรตลบหลังร่วมกับสีหนาท (ซึ่งแกล้งตามน้ำ) บุกหมู่บ้านแก่น กล่าวหาว่าโอปอลต่างหากที่ซ่องสุมคนและฝึกอาวุธเพื่อก่อกบฏ แก่นกิ่งกับพวกชาวบ้านออกไปหาของป่ากลับมาเห็นสีหนาทกวาดต้อนชาวบ้านและหมู่บ้านกำลังถูกเผาทำลาย โอปอลสั่งแก่นพาคนบางส่วนหนีไปได้ อรรถกรถือโอกาสพังหมู่บ้านจนราบกล่าวหาว่า ฤทธิ์ปรีชามีส่วนรู้เห็นอยู่เบื้องหลังการซ่องสุมฝึกกำลังพลของโอปอล จึงสั่งจับกุมคนของฤทธิ์ปรีชายกเรือน แต่ฤทธิ์ปรีชาแอบวางแผนกับสีหนาทหลอกให้มณี ดวงเดือนกับบ่าวไพร่บางส่วนหลบไปงานบุญที่หัวเมืองได้ทัน อรรถกรจับโอปอลกับฤทธิ์ปรีชาเข้าคุก โอสถจะไปช่วยโอปอล แต่สีหนาทห้ามไว้ ทำให้โอสถเข้าใจผิดว่า สีหนาถเข้าร่วมกับอรรถกร สีหนาทจึงจำต้องบอกแผนลับที่ตกลงไว้กับฤทธิ์ปรีชาให้โอสถฟัง
ในคุก โอปอลไม่ยอมจนมุมคิดหาทางออกไปเพื่อจัดการกบฏ โอสถเข้ามาเยี่ยม แต่มิอาจบอกแผนการออกไปได้ โอปอลจึงเข้าใจผิดว่า โอสถร่วมมือกับสีหนาทไปเข้ากับหลวงอรรถกร ทั้งโกรธทั้งเจ็บปวดใจที่โอสถหลอกตนเองมาตลอด โอปอลวางแผนแอบล่อหลอกทหารยามจนแหกคุกออกไปได้โดยง่าย หารู้ไม่ว่าโอสถแอบช่วยโดยการยิงยาสลบใส่ผู้คุม โอปอลจะพาฤทธิ์ปรีชาหนีไปด้วย แต่ผู้เป็นพ่อปฏิเสธ ตั้งใจจะรอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในคุก (ตามแผนที่วางไว้) โอปอลจึงหนีออกไปลำพัง พวกแก่นและพลับมาพาโอปอลไปหลบกลางป่า และพบว่าชาวบ้านที่รอดจากหมู่บ้านแก่นมารวมตัวกันสร้างหมู่บ้านอพยพที่นี่ โอสถแอบตามมาซุ่มดูด้วยความเป็นห่วง แต่ถูกโอปอลจับตัวได้ โอปอลยังโกรธโอสถไม่หาย และชาวบ้านก็แค้นใจที่พระยาสีหนาทพ่อของโอสถกับหลวงอรรถกรพาทหารมาเผาหมู่บ้านของตน จึงจับโอสถมามัดไว้กับต้นไม้ โอสถโดนเด็ก ๆ ในหมู่บ้านอพยพกลั่นแกล้งสารพัด
วันหนึ่งแก่นเกิดป่วยหนัก มีแผลพุพองลามไปทั่วตัว มีไข้ตัวร้อนดั่งไฟ โอสถอาสาจะช่วยแต่ขอร้องให้ปล่อยตัวเขาเพื่อจะได้ออกไปหาสมุนไพรรักษาแก่น แต่ชาวบ้านคัดค้านเพราะไม่ไว้ใจโอสถกลัวเขาจะกลับไปบอกที่อยู่กับพวกอรรถกร โอปอลชั่งใจเห็นแก่ชีวิตของแก่น และลึก ๆ ยังเชื่อใจโอสถจึงตัดสินใจปล่อยเขาไป หากวันพรุ่งโอสถไม่กลับมาพร้อมยาให้ชาวบ้านเตรียมตัวอพยพหนีอีกครั้ง แต่โอสถก็กลับมาตามสัญญาและรักษาแก่นจนหายทำให้โอปอลกลับมาเชื่อใจโอสถอีกครั้ง
ด้านดวงแก้วกับพิภพออกตามหาที่มาของกระบอกไม้ไผ่จนเจอกับพวกลักลอบขุดวัตถุโบราณไปขาย พิภพเสี่ยงเข้าไปถ่ายรูปคนในแก๊งไว้ได้ แต่คนร้ายไหวตัวทันตามไล่ล่าจนดวงแก้วกับพิภพคลาดกันดวงแก้วตกลงไปในแม่น้ำ แต่โชคดีที่ดร.เฟื่องมาช่วยไว้ และพาทั้งคู่หนีไปพักที่โฮมสเตย์กลางป่า ดร.เฟื่องเริ่มจำความได้ว่า ตนเคยย้อนไปในอดีตสมัยอยุธยา ดวงแก้วดีใจที่พบคนที่เชื่อเหมือนกับตนเอง ทั้งคู่หาหนทางที่จะข้ามภพโดยการดำลงไปกลางแม่น้ำ จุดที่ดร.เฟื่องเคยข้ามภพครั้งแรกแต่ก็ไม่สำเร็จ พิภพมองทั้งคู่ว่าเพี้ยนพอกัน แต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่า ตอนนี้ตนได้หลงรักสาวเพี้ยนอย่างดวงแก้วจนถอนตัวไม่ขึ้น เช่นเดียวกับดวงแก้วที่รู้สึกหวั่นไหวกับพิภพเช่นกัน ในขณะที่หลวงอรรถกรเรียกขุนนางที่ร่วมก่อกบฏมารวมตัวเพื่อนัดวันเตรียมยึดอำนาจ พระยาสีหนาทเล่นตามน้ำ แต่ซ้อนแผนให้พระยาฤทธิ์ปรีชาและขุนนางฝ่ายดีร่วมกันจับตัวทุกคนไปได้
ในยุคปัจจุบันดวงแก้วและดร.เฟื่องยังคงสืบหาวิธีกลับภพอดีตจากกระบอกไม้ไผ่และสมุดบันทึกเก่าสมัยอยุธยาที่ได้จากพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ โดยมีวิญญาณของก้านคอยช่วยเหลือนำทาง ดร.เฟื่องรู้สึกเหมือนมีอะไรดลใจให้วาดรูปคืนวันลอยประทีป โดยวาดจากความทรงจำที่เลือนรางสมัยตนเองอยู่ในยุคอดีต จนภาพเสร็จสมบูรณ์ ทันใดนั้นก็เกิดปาฏิหารย์ขึ้น ดร.เฟื่องได้ย้อนไปในช่วงเวลาที่ตนได้เคยข้ามมิติไปครั้งแรก และได้พบกับเสด็จฯ ในห้องตะวันตก เป็นวันเดียวกับที่เสด็จฯ สั่งให้เฟื่องวาดภาพลอยประทีปถวาย เฟื่องที่ถือภาพลอยประทีปไว้ในมือตอนที่ข้ามภพมาก็เข้าใจเรื่องราวในทันทีว่า ตนมีภารกิจต้องวาดรูปนี้ให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อถวายให้เสด็จฯ และเสด็จฯ จะมอบรูปนี้ให้แก่ฤทธิ์ปรีชาจนตกทอดไปถึงดวงแก้ว แล้วกลายเป็นภาพสลับภพเชื่อมมิติทั้งสองให้โอปอลและดวงแก้วต่อไป
ฝั่งดวงแก้ว ลิขิตแห่งจันทร์บันดาลให้มิติเวลานำพาดวงแก้วถือกระบอกไม้ไผ่ข้ามภพกลับไปฝั่งอดีต ที่เรือนของตนดวงแก้วดีใจยิ่งนัก แต่กลับไม่พบใครบนเรือนจึงนำกระบอกไม้ไผ่ไปวางไว้ในห้องพระและถูกมิติเวลาดึงกลับไปปัจจุบันทันที เวลาเดียวกันนั้นโอปอลย้อนกลับมาที่เรือนฤทธิ์ปรีชา และได้เปิดกระบอกไม้ไผ่พบกระดาษเปล่า แต่เมื่อแสงจันทร์สาดบนกระดาษ กลับปรากฏรายชื่อกบฏทั้งหมดเขียนด้วยลายมือพระยาอนุรักษ์ซึ่งมีชื่อของพระยาภักดีพินิจฉัยและหลวงอรรถกรเป็นแกนนำกบฏ
หลวงอรรถกรยอมรับว่าก่อการคนเดียวไม่ยอมพาดพิงถึงพระยาภักดี แต่โอสถกับโอปอลนำรายชื่อในกระบอกไม้ไผ่มาเป็นหลักฐาน แผนก่อกบฏจึงถูกล้ม พระยาภักดีถูกจับประหาร หลวงอรรถกรที่ภักดีกับนายเก่าใจสลายนอนสิ้นหวังในคุก ฉายมาเยี่ยมและแอบส่งเหล้าผสมยาพิษให้อรรถกรหวังฆ่าปิดปากมิให้ความผิดโยงมาถึงตน อรรถกรคุ้มคลั่งเพราะพิษของฉาย ช่วงสุดท้ายของชีวิตอรรถกรเห็นวิญญาณของเหล่าผู้คนที่เขาฆ่าตายรวมทั้งก้านรุมล้อมเข้ามา เพื่อลากวิญญาณอรรถกรไปสู่นรก ทหารมาพบร่างอรรถกรขาดใจตาย มีรอยถูกฟันทั่วร่างเหมือนสู้ศึกมาอย่างหนัก ทั้งที่ในคุกไม่มีอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว
ครอบครัวโอปอลและโอสถทุกคนพ้นโทษ ทั้งคู่กลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม จบเรื่องคดีกบฏแต่งานของพระยาฤทธิ์ปรีชาและหลวงโอสถยังเหลือคดีวางยาพระยารามณรงค์ ขุนสุนทร และยอดซึ่งฉายเป็นผู้ปรุงยาแต่กลับรอดจากคดีเพราะไม่มีหลักฐานสาวถึงตัว โอปอลได้ความชอบจากการเปิดโปงกบฏ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นแต่โอปอลยังไม่พ้นข้อกล่าวหาเรื่องวางยาในน้ำปรุงของเสด็จฯ โฉมรู้ดีว่าไม่ใช่ฝีมือโอปอลแต่กลัวตัวเองต้องโทษเพราะเป็นคนอบร่ำผ้าให้เสด็จฯ จึงเงียบเฉยไว้ตามที่ฉายสั่ง โอปอลโดนจับเข้าคุกอีกครั้งแต่ก็มิวายสลับตัวกับพลับลอบออกมาสืบหาคนวางยาเสด็จฯ ตัวจริง โดยมีโอสถคอยช่วยเหลือจนได้เจอเข็มกลัดของฉายที่ตกอยู่หน้าคุกอรรถกร และเจอยาพิษชนิดเดียวกันซ่อนในเรือนยาของฉาย จึงได้เอาเรื่องไปกราบทูลเสด็จฯ โอสถนำกำลังไปจับฉายที่บ้าน แต่กลับพบว่าเฉลากำลังทุรนทุรายจนตายเพราะยาพิษของฉายที่จวนหยิบผิดจากห้องยา เพราะคิดว่าเป็นยาแก้ไข้ ฉายคาดไม่ถึงว่าผลกรรมที่วางยาคนอื่นจะย้อนมาเอาชีวิตแม่ของตนได้ แต่ยอมจำนนให้โอสถจับตัวไป แต่ฉายได้แอบช่วยเหลือให้โฉมหนีไปก่อนแล้ว โฉมแอบหนีเข้าป่าจนไปเจอกับเฮนรี่ เขายินดีช่วยพาโฉมหนีขึ้นเรือไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ยุโรปเรื่องของทั้งคู่ถูกกล่าวถึงอยู่ในบันทึกของเฟื่องในเวลาต่อมา ส่วนฉายยอมสารภาพผิดเพราะสำนึกในกรรมที่ตนได้ทำและถูกตัดสินประหารชีวิต
ด้านพิภพรู้ว่า เบญญาเป็นหนอนบ่อนไส้ของคิมหันต์ จึงพยายามกล่อมให้เบญญายอมมอบตัวและกลับใจ เบญญาเจ็บปวดที่ไม่อาจบอกความจริงหรือแม้แต่บอกรักพิภพได้จึงได้แต่ปฏิเสธข้อเสนอของพิภพ แต่สุดท้ายเมื่อคิมหันต์สั่งให้เบญญาฆ่าพิภพทิ้ง เบญญาก็ทนไม่ไหวบุกเข้าบ้านคิมหันต์เซฟข้อมูลความผิดทั้งหมดของคิมหันต์รวมถึงคลิปลับของคิมหันต์ที่เอาไว้แบล็กเมล์ตน คิมหันต์รู้ตัวว่าถูกเบญญาหักหลังจึงออกตามล่าเบญญาอย่างไม่คิดชีวิต พิภพกับดวงแก้วตามมาช่วย คิมหันต์ยิงปะทะกับพิภพอย่างดุเดือดแต่วิญญาณของก้านมาลวงตาทำให้คิมหันต์เสียสมาธิจนถูกยิงล้มลง เบญญายิงคิมหันต์ซ้ำด้วยความแค้น แต่ก่อนตายคิมหันต์ได้ยิงใส่พิภพ เบญญาได้เอาตัวมาบังกระสุนแทนช่วยชีวิตพิภพไว้ก่อนจะสิ้นใจเบญญาได้มอบหลักฐานที่เซฟมาจากบ้านคิมหันต์ให้พิภพเป็นการไถ่โทษในความผิดที่ได้ทำทั้งหมดทำให้พิภพสามารถจับกุมบวรและปิดคดี ได้ทั้งยังเข้าใจถึงเหตุผลของเบญญาที่ต้องยอมฝืนทนเป็นคนทรยศทำตามคำสั่งของคิมหันต์
ด้านวิญญาณก้านที่ได้โอปอลและดวงแก้วมาช่วยสานคำอธิฐานต่อพระจันทร์ให้เป็นจริงสามารถปราบกบฏ มิให้บ้านเมืองวุ่นวายลงได้ก็หมดห่วง วิญญาณก้านได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าโอปอลและโอสถเพื่อขอบคุณและได้บอกลาแก่นและกิ่ง ลูกเมียก่อนวิญญาณจะสูญสลายไป
หลังเรื่องร้าย ๆ ผ่านพ้น หลวงโอสถวรเวชได้พาพระยาสีหนาทและคุณหญิงมณีมาสู่ขอโอปอลโดยที่โอปอลก็ยอมแต่งงานด้วยอย่างเต็มใจอีก ทั้งตัดใจว่าไม่อาจกลับไปภพของตนได้แล้ว แต่ลิขิตแห่งจันทร์กลับเล่นตลกกับโอปอลและดวงแก้ว
ในคืนวันแต่งงานของโอปอลและโอสถ ซึ่งเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ฝั่งปัจจุบันนั้นดวงแก้วได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับพิภพทั้งคู่กำลังจูบกันด้วยความรักดูดดื่ม แต่รูปภาพลอยประทีปกลับเคลื่อนไหวประตูมิติได้ดึงร่างของโอปอลและดวงแก้วกลับภพเดิมของตน ทั้งคู่ลืมตามาไม่เจอชายที่รัก แต่กลับเป็นคนอีกภพหนึ่งก็ต่างหัวใจสลาย พิภพและโอสถอดใจหายไม่ได้ที่จะไม่ได้เจอดวงแก้วและโอปอลอีกแล้ว
เมื่อดวงแก้วได้กลับไปสมัยอยุธยาก็ใช้ชีวิตตามปกติ มีแต่คนยกย่องและยำเกรง เพียงแต่ในใจกลับไร้ความสุขเฝ้าคิดถึงแต่พิภพ หากแต่เคราะห์กรรมทำให้เธอและเขาต้องพลัดพรากจากกันอย่างไม่มีวันหวนคืน โอสถเองก็ต้องแสร้งทำเป็นร่วมห้องกับดวงแก้วทั้งที่เฝ้าคะนึงหาแต่แม่หญิงโอปอลแสนห้าว
ด้านโอปอลกลับมาเป็นตำรวจผู้เก่งกาจคนเดิม คราวนี้ดูเหมือนใคร ๆ จะทำดีกับเธอมากขึ้น แต่โอปอลกลับรู้สึกเหงาแทบขาดใจภาพของโอสถ พี่หมอหน้าจืดเข้ามารบกวนจิตใจเธออยู่ตลอดเวลา โอปอลกับพิภพเฝ้ารอวันพระจันทร์เต็มดวงเพื่อข้ามภพอีกครั้ง
แต่อัญชลีที่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของลูกสาวมาตลอดกลับโทษว่า เป็นอาถรรพณ์ของภาพวาดที่ทำให้ลูกสาวเปลี่ยนไปมา กลัวว่าลูกจะเป็นบ้าจึงให้คนใช้เอารูปมาเผาทิ้ง โอปอลกับพิภพมาเห็นพอดีจึงเข้าไปห้าม จังหวะนั้นประตูมิติเวลาในรูปภาพเปิดขึ้นชั่วครู่แล้วก็ดับไป เพราะภาพได้ถูกเผาไหม้ไปครึ่งผืนทำให้ทั้งสองภพไม่สามารถสลับตัวได้ โอปอลและพิภพสิ้นหวังกลับไปสลดหดหู่อีกครั้ง
ฝั่งโอสถและดวงแก้วที่เห็นรูปภาพเผาไหม้ไปเสียครึ่งก็เริ่มถอดใจเรื่องสลับภพ แต่เฮนรี่กลับจุดประกายความหวังขึ้นใหม่ เพราะเขาบอกว่า พบตัวพ่อเฟื้องผู้วาดรูปลอยประทีปอีกครั้ง และกำลังจะเดินทางลงเรือไปยุโรปกับเขาพรุ่งนี้ ดวงแก้วดีใจที่ดร.เฟื่องกลับมาในอดีตได้สำเร็จจึงรีบตามโอสถไปหาดร.เฟื่อง ทั้งสามทดลองซ่อมรูปลอยประทีปโดยการให้ดร.เฟื่องวาดอีกครึ่งผืนขึ้นมาใหม่จนเสร็จทันก่อนจะลงเรือสินค้าไปพร้อมกับเฮนรี่และโฉม ดร.เฟื่องได้อวยพรให้ทั้งคู่ข้ามภพไปเจอรักแท้ได้สำเร็จ ส่วนภารกิจของตนเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นจึงได้เขียนบันทึกเรื่องราวการเดินทางข้ามภพของตนในยุคกรุงศรีฯ ทั้งหมดลงในสมุดบันทึก ซึ่งภายหลังจะเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์สำคัญที่ถูกเก็บไว้ยังพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ
และแล้วคืนวันพระจันทร์เต็มดวงได้มาบรรจบเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนเดียวกัน เป็นคืนพิเศษที่หลายชั่วปีจะมีสักครั้งเรียกว่า บลูมูน ดวงแก้วเตรียมรอปาฏิหารย์อยู่หน้าภาพลอยประทีป แต่โอสถเห็นว่าภาพไม่เคลื่อนไหวจึงเดินสิ้นหวังออกไป โดยไม่ได้สังเกตุว่า ดวงเดือนและฤทธิ์ปรีชาจับตามองอยู่ แต่ในด้านของโอปอลและพิภพที่หมดหวังแล้วตั้งแต่เห็นภาพไหม้ไปต่อหน้าทั้งคู่ พยายามทำทุกอย่างเพื่อตัดใจลืมคนรัก โอปอลกลับมาถึงบ้าน ตกใจที่รูปภาพหายไปจากห้อง แต่กลับพบว่า อัญชลีและดำรงเอารูปภาพมาตั้งไว้กลางสวนเพื่อรอรับแสงจันทร์ เพราะเข้าใจแล้วว่าหัวใจของโอปอลไม่ได้อยู่ในภพนี้อีกต่อไป ทั้งคู่ทนไม่ได้ที่เห็นลูกใช้ชีวิตแบบไร้ความสุขไปวัน ๆ
เมื่อแสงจันทร์ส่องกระทบภาพวาดในอดีต ภาพในปัจจุบันก็ส่องประกาย และกลายสภาพจากภาพที่ไหม้ดำเป็นภาพสวยดังเดิมเหมือนที่ดร.เฟื่องได้วาดใหม่ ประตูมิติเปิดสำเร็จ ฤทธิ์ปรีชาและดวงเดือนได้เข้ามาเห็นดำรงและอัญชลีอยู่อีกฟากหนึ่งของภาพ ซึ่งทั้งคู่เหมือนกับตนเองทุกประการ และได้เห็นโอปอลที่เหมือนกับดวงแก้ว ในฝั่งนี้ก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวปาฏิหารย์ที่ผ่านมา ดวงแก้วสารภาพความจริงว่า ดวงแก้วคนที่แปลกไปคือ โอปอลที่สลับภพมาจากอีกยุคหนึ่ง ด้านโอปอลก็ทำใจลำบากที่ต้องทิ้งพ่อแม่ไปหาโอสถ แต่ในที่สุดพ่อแม่ทั้งสองก็ให้ลูกได้ตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง โอปอลและดวงแก้วได้กราบขอขมาพ่อแม่ที่ไม่อาจทดแทนคุณได้อีกต่อไป เพราะตนเองตัดสินใจจะใช้ชีวิตในต่างภพกับคนที่ตนรัก
แม่ดวงเดือนเสียใจมากที่ดวงแก้วจากไป แต่ลึก ๆ เธอก็ยังดีใจที่ได้โอปอลกลับมา เพราะตลอดเวลาที่โอปอลอยู่กับเธอ แม่ดวงเดือนเองก็รักโอปอลเหมือนลูกสาวจริง ๆ ด้วยความผูกพันที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทำให้แม่ดวงเดือนยอมรับความจริงได้ และยอมจำนนให้กับโชคชะตาที่เกิดขึ้น
โอปอลได้กลับมาตามหาชายที่เธอรัก โอสถเดินเหงา ๆ ในงานลอยประทีป คิดถึงคราก่อนที่โอปอลสร้างวีรกรรมน่าประทับใจไว้มากมาย เมื่อโอปอลได้พบโอสถจึงได้สารภาพว่า เธอรักเขาจึงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมาหาเขาทำให้หลวงโอสถวรเวชดีใจเป็นที่สุด ทั้งสองคนสัญญาว่าจะไม่จากกันไปไหนอีก
ด้านดวงแก้วเมื่อได้กลับมามิติปัจจุบันก็รีบไปหาพิภพทันที พิภพดีใจมาก ทั้งคู่สวมกอดกันด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ดวงแก้วได้บอกรักพิภพ นี่คือสิ่งที่แม่หญิงแห่งกรุงศรีอยุธยาหาควรทำ ตอนนี้ดวงแก้วกลายเป็นผู้หญิงยุคใหม่แห่งปี 2562 ขณะที่โอปอลเลือกไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคกรุงศรีอยุธยา เป็นต้นตระกูลของโอปอลในยุค 2562 นั่นเอง ติดตามชมละคร ลิขิตแห่งจันทร์ เริ่มตอนแรกวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562
รายชื่อนักแสดงนำในละคร ลิขิตแห่งจันทร์
คณิน ชอบประดิถ รับบท หลวงโอสถวรเวช
พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ รับบท โอปอล/ดวงแก้ว
ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ รับบท พิภพ
ณัฐวรา วงศ์วาสนา รับบท โฉม
ฐกฤต ตะวันพงค์ รับบท หลวงอรรถกร
เกียรติกมล ล่าทา รับบท ฉาย
เมธัส ตรีรัตนวารีสิน รับบท คิมหันต์
ชาเคอลีน มิ้นซ์ รับบท เบญญา
นริศสันต์ โลกวิทย์ รับบท ก้าน
ภรภัทรา ทวีพันธุรัตน์ รับบท ป๋อมแป๋ม
ศุกล ศศิจุลกะ รับบท ดำรง/พระยาฤทธิ์ปรีชา
นัฏฐา ลอยด์ รับบท คุณหญิงอัญชลี/ดวงเดือน
วสุ แสงสิงแก้ว รับบท พระยาสีหนาท
สาวิตรี สามิภักดิ์ รับบท คุณหญิงมณี
วาสนา พูนผล รับบท เฉลา
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล รับบท เสด็จ
กัญจน์ ภักดีวิจิตร รับบท ยอด
อินทิรา ยืนยง รับบท แจ่ม/พลับ
สมชาย ศักดิกุล รับบท ดร.เฟื่อง
จักรพันธ์ จันโอ รับบท จ่าเริง
ด.ช.ปัญกร จันทศ รับบท แก่น
ดนตรี วัณณรถ รับบท เฮนรี่
จรรยา ธนาสว่างกุล รับบท นุ่ม
รุ้งลาวัลย์ โทนะหงษา รับบท จวน
โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว รับบท กฤษณะ
ขจรศักดิ์ รัตนนิสัย รับบท บวร