ละคร > ช่องอื่น ๆ

เรื่องย่อละคร คุณหญิงนอกทำเนียบ

18 มิ.ย. 2558 16:53 น. | เปิดอ่าน 4082 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

บทประพันธ์โดย : ทมยันตี

บทโทรทัศน์โดย :  วัลคีร์ญา

กำกับการแสดงโดย : ปกาสิต กิ่งศักดิ์

ผลิตโดย :  บริษัท ดีมาก โปรดักชั่น 

ออกอากาศ : ออกอากาศทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 19.50 น. ทางช่อง 8

 

เรื่องย่อละคร คุณหญิงนอกทำเนียบ

           ปี พ.ศ.2518* งานฉลองจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย โรงเรียนคอนแวนต์ ศจี สาวสวยผิวสีน้ำผึ้งได้รับเลือกเป็นตัวแทนของรุ่นแสดงการเดี่ยวเปียโน ร่วมกับ แกมแก้ว หรือ ลูกแก้ว คุณหนูลูกสาวท่านทูต รับหน้าที่ร้องเพลงนำบนเวที มาแมร์ คณะครูและเพื่อนๆ ต่างชื่นชมสองสาวสวยเก่งซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันสุดขั้ว คุณหญิงอรุณวตี แม่ผู้สง่างามได้มาร่วมงานแสดงความยินดีกับลูกสาวคนเล็กพร้อมกับป้าวรรณ คุณหญิงหมายตาศจีไว้เงียบๆ ขณะที่ลูกแก้วแสดงชัดเจนว่าปลื้มเพื่อนรักคนนี้มาก

          สุพรรณ หนุ่มหล่อที่อาศัยวัดเป็นบ้าน ตื่นเต้นแต่เช้า ตั้งใจเลือกดอกไม้สวยๆ ที่ชาวบ้านเอามาถวายพระ หวังจะนำไปแสดงความยินดีกับศจีหลังจบงานแสดง สุพรรณจึงแอบยืนดักเจอหลังเวที ศจีแม้ฉากหน้าจะดูนิ่งแต่ในใจอดจะสั่นไหวด้วยวัยสาวรุ่นไม่ได้ แต่กลับปฏิเสธจะรับดอกไม้แล้วเดินเลี่ยงไป ปล่อยให้สุพรรณเสียใจจากไป และแล้วศจีก็ได้เห็น ชีวิน หนุ่มหล่อมาดคุณชายปรากฏตัวพร้อมตุ๊กตาสวยตัวโตราคาแพงจากนอกเดินผ่านหน้าศจีไป ชีวินไม่ทันเห็นศจีเพราะเกรงว่าจะมาไม่ทันงานน้องสาว 
 
          ลูกแก้วดีใจมากที่พี่ชายให้ตุ๊กตา รีบฉุดศจีให้มารู้จักชีวินซึ่ง พร้อมแนะนำชีวินว่าศจีเป็นเพื่อนรัก ชีวินเห็นหน้าศจีเต็มๆ ตรงๆ ก็ตะลึงกับสวยคมแต่ไม่ทันได้ทักทายต่อ ยายปริกลากนังจุกและจัดลูกเล้าเป็นพรวนแต่งตัวสีสันบ่งบอกอาชีพขายนาผืนน้อยมาประกาศเกรียวกราวว่านังจุกหรือจุรีนั้นเป็นแม่ของศจี ตัวแกเองก็เป็นยาย วันนี้แสนดีใจที่คนจากน้ำครำต่ำต้อยเรียนจบโรงเรียนคอนแวนต์ของผู้ดีมีฐานะได้ ทั้งที่แม่มาจากซ่องแม่บุญปลีก บรรดาไทยมุงอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ออกันเข้ามามองอย่างความสอดรู้สอดเห็น บางคนปากไวก็ถามว่าจริงหรือไม่ ศจีกลับนิ่ง กลายเป็นนังจุกร้อนรนรีบปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่แม่ของศจี กลัวลูกสาวจะอายแล้วรีบลากรีบดึงยายปริกกับบรรดาลูกเล้าให้กลับออกไป ลูกแก้วงงๆ แต่เชื่อว่าคนชั้นต่ำพวกนั้นเข้าใจผิด ชีวินจากที่มองศจีชื่นชมเปลี่ยนเป็นสายตาเหยียดหยามว่าชาติกำเนิดต่ำแต่ไม่เจียมตัว ยิ่งทำให้ศจีฮึดจะเอาชนะการดูถูกของชีวินไว้ในใจ แต่ฉากหน้าศจีขอตัวเดินออกมาไหล่ตรง คุณหญิงอรุณวตีและป้าวรรณเห็นเหตุการณ์นี้ก่อนจะกลับบ้านพร้อมชีวินและลูกแก้ว
 
 
          สุพรรณมาดักพบศจีที่ปากซอยเข้าบ้านแล้วพูดเตือนศจีว่าควรตื่นจากฝัน ยอมรับชาติกำเนิดที่แท้จริง ศจีแม้ภายนอกดูนิ่ง แต่ในใจกลับร้อนรุ่มต้องการเอาชนะคำสบประมาทไปจากตมให้จงได้ 
 
          เมื่อศจีกลับถึงบ้านสวน จุกรีบลนลานเข้ามาขอโทษลูก เรื่องยายปริกไปโผล่ที่โรงเรียน แต่ศจีกลับนิ่งเฉยไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้น สองแม่ลูกพากันเข้าไปบอกกล่าวตาศรี พ่อที่ศจีใช้เป็นแรงผลักดันให้ได้ดี จุกน้ำตาคลอกอดลูกไว้ภาคภูมิใจ บอกว่าศจีคือคนที่พลิกผันทุกอย่างในชีวิตโสมมของตัวเอง แล้วจุกก็หวนคิดถึง อดีตเมื่อ 18 ปีที่แล้ว…
 
          กรุงเทพมหานคร ปี 2500** ณ ซอกซอยแคบๆ ข้างหนึ่งขนาบด้วยคูที่เคยเป็นคลอง กลายสภาพเป็นบ่อน้ำครำส่งกลิ่นเน่าเหม็นเต็มไปด้วยขยะ อีกข้างเป็นรั้วสังกะสีสูงท่วมหัว เป็นที่รู้กันว่าตรอกนี้จะนำไปสู่บ้านของยายปริก แม่เล้าเจ้าของซ่องชื่อดังที่ให้บริการทางเพศกับลูกค้าชายทุกระดับ แต่วันนี้บ้านยายปริกปิดให้บริการ 1 วัน เพราะเป็นวันแต่งงานของ นังจุก ลูกเล้าที่ยายปริกเก็บจากกองขยะตั้งแต่เป็นทารกมาเลี้ยงดูในฐานะลูกสาว การกระทำนี้คือ ความดีงามเรื่องเดียวของยายปริก แรกเริ่มเลยยายปริกไม่ได้คิดจะให้นังจุกมาขายของเก่า แต่นังจุกกลับเลือกที่จะลงเล้าของยายปริกด้วยความเต็มใจ ด้วยใบหน้าสวยผิวพรรณดี นังจุกที่เปลี่ยนชื่อเป็นจุรีก็กลายเป็นดาวรุ่งระดับเหรียญทอง มีแขกติดใจสร้างรายได้ให้ยายปลีกมากมาย จนวันหนึ่งสังขารเริ่มร่วงโรย ลูกค้าบางเบา นังจุกเสร็จภารกิจค้ากามเดินมาหาข้าวต้มกินแถวๆ วัดใหญ่ศรีสุพรรณ วัดเล็กๆ ประจำชุมชนย่านนั้น ขากลับฝนตกลงมา นังจุกได้เจอกับตาศรี มรรคทายกของวัดที่เลิกงานบุญมาหลบฝนเช่นกัน ตาศรีมองสภาพของนังจุกแล้วตัดสินใจทำกุศลยิ่งใหญ่ ขอให้นังจุกเลิกทำอาชีพนี้ ชวนให้มาแต่งงานเป็นสามีภรรยา ทีแรกนังจุกเห็นเป็นเรื่องขำ เอามาเล่าให้ยายปริกกับบรรดาสมาชิกลูกเล้าฟังเป็นที่ครื้นเครงถกกันด้วยวาจาสองแง่สองง่ามว่าตาศรีตะบะแตกเป็นพวกมือถือสากปากถือศีลแล้วนังจุกก็ไม่สนใจ แต่ด้วยการตามตื๊อและข้อเสนอของตาศรีที่จะเป็นคนเลี้ยงดูจุกบวกกับสังขารที่ร่วงโรยหลุดร่วงจากตำแหน่งดาวรุ่งประจำเล้า ทำให้นังจุกเก็บไปนอนคิด แล้วตัดสินใจแต่งงานกับตาศรีโดยให้คำมั่นสัญญารู้กันสองคนว่าจะเลิกขายตัวเด็ดขาด 
 
 
          ในคืนวันแต่งงาน หลังจากที่ยายปริกเลี้ยงฉลองทุกคนด้วยเหล้ายาไม่อั้น ตาศรีที่ครองตนรักษาศีลนั้นถูกบรรดาลูกเล้าจับกรอกเหล้าไปหลายแก้วจนเมามายนอนไม่ได้สติอยู่บนห้องหอ นังจุกเองก็มีอาการเมามึนไม่ต่างกัน แล้วจู่ๆ ซิงค์ แขกอินเดียเจ้าหนี้รายใหญ่ของบรรดาลูกเล้าก็มาขอใช้บริการกับนังจุก ยายปริกปฏิเสธในคราวแรกว่านังจุกแต่งงานแล้ว ซิงค์ต่อรองว่า หากยอมให้นังจุกมานอนด้วยจะยกหนี้ให้ทั้งต้นและดอก ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานใส่ตะกร้าล้างน้ำจบหนี้กันไป ยายปริกจึงตัดสินใจส่งนังจุกเข้าห้องซิงค์ เหตุการณ์อัปยศนี้มีแต่ยายปริกเท่านั้นที่กุมความลับอยู่ ใครจะคาดถึงว่าครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของอาชีพ จะทำให้นังจุกที่ย้ายไปอยู่กับตาศรีในฐานะสามีภรรยาที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกันเลยเกิดตั้งท้องขึ้นมา คนนอกอาจจะไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาด แต่ตาศรีกับนังจุกรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ที่แน่ๆ ตาศรีนั้นเป็นชายไม่เต็มชาย พอนังจุกบอกยายปริก แกก็ตบอกผางพยายามทบทวนว่าใครกันที่เป็นพ่อลูกในท้องนังจุก
 
          ตาศรีกลับประกาศว่าลูกในท้องนังจุกคือ ลูกพระส่งมาเกิด ด้วยวัยชราเรี่ยวแรงเหลือน้อย แต่เพื่อลูก ตาศรียอมทำงานสารพัดอย่างหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเงินมาเก็บไว้เลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมา ไม่ว่าจะเป็นสัปเหร่อหรือไปรับต่อโลงศพ ไม่เคยบ่นไม่เคยเกี่ยง 
 
          เมื่อจุกคลอดลูกสาวหน้าตาสวยแต่ไม่มีเค้าตาศรีเลยเพราะเหมือนแขกผิวสีน้ำผึ้งตาคมขนตางอนผิวพรรณดีเหมือนแม่ ยายปริกมาเยี่ยมนังจุก เห็นหน้าทารกก็รู้ทันทีว่าใครเป็นพ่อลูกในท้องของนังจุก แอบกระซิบบอกนังจุกแล้วย้ำให้ปิดเป็นความลับ ตาศรีเห่อลูกสาวรักปานดวงใจ ตั้งชื่อให้ว่า ศจี  คุยไปทั่วว่าลูกคนนี้โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและจะมีอนาคตดีงามสูงส่งกว่าพ่อแม่ นังจุกซะอีกที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจบวกสำนึกผิด ไม่อยากให้ตาศรีเลี้ยงดูศจี แต่ความลับไม่มีในโลก เมื่อตาศรีรู้ว่านังจุกท้องเพราะลอบไปรับแขกในคืนวันแต่งงาน ตาศรีไม่ได้หึงหวง แต่ตาศรีผิดหวังที่จุกไม่รักษาคำสัญญาว่าจะไม่หันไปประกอบอาชีพนั้นอีก ทั้งที่ตั้งใจจะทำกุศลฉุดนังจุกให้พ้นจากบ่วงกามา ตาศรีใจสลายหมดแรงรับไม่ได้ เลยไปดื่มเหล้าไม่กลับบ้าน นังจุกได้แต่แปลกใจที่ตาศรีหายไป แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก พอรุ่งเช้าคนมาส่งข่าวว่าตาศรีนอนตากฝนตายคาวัด 
 
 
          จุดจบแสนเศร้าสะเทือนใจของตาศรีทำให้นังจุกรู้สึกละอายความผิดที่ทำไว้ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง ยกมือสัญญากับผีตาศรีว่าจะเลี้ยงศจีให้ได้ดีตามที่ตาศรีหวังไว้ และจะทำทุกทางเพื่อกันศจีออกจากซ่องของยายปริก อย่างน้อยเป็นการไถ่บาปกับตาศรี แต่ยายปริกยังพยายามตื๊อให้นังจุกเอาศจีไปบังคับให้ซิงค์ยอมรับเป็นลูก รู้ว่าซิงค์อยากมีลูกมาก เมียอินเดียที่อยู่ด้วยกันไปขอลูกกี่หนก็ไม่เคยสมหวัง แต่ลึกๆ แล้วยายปริกเห็นแก่ทรัพย์สมบัติเงินทองมากมายของซิงค์ แต่นังจุกไม่ยอม แล้วเริ่มห่างหายจากการพบยายปริก หันมาทำงานที่ไม่เคยทำ ปลูกผักทำสวนเพื่อหาเลี้ยงศจี ให้ได้มีกินมีใช้เท่าเทียมคนอื่น แม้จะต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยลำบากก็ตาม 
 
          ศจีจึงเติบโตขึ้นมาในสิ่งแวดล้อมระหว่างวัดกับซ่อง แต่ด้วยมันสมองที่เป็นเลิศกิริยาวาจาฉะฉานไม่ยอมใคร จากวัยเด็กที่เคยแวะเวียนไปบ้านยายปริก เห็นชีวิตความเป็นไปของลูกเล้าลูกค้าสารพัด แต่เมื่อเป็นวัยรุ่นได้เรียนสูงขึ้น มีการศึกษาเกินหน้าเกินตาคนในชุมชน ศจีก็เริ่มมองเห็นและเรียนรู้ว่าทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ต้องได้มาด้วยสองมือฟันฝ่า จึงทำให้ศจีมีความทะเยอทะยานต้องการถีบตัวเองให้สูงส่งได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นคุณหญิงตามคำอวยพรที่กรอกหูและความคาดหวังของตาศรี พ่อที่มีแต่คนยกย่องจากการบอกเล่าของแม่ จะได้กลบตราบาปที่ติดตัว ศจีจึงวางกิริยาท่าทางของตัวเองใหม่ให้เป็นคนมีชนชั้น ไม่เสวนากับยายปริก และคนในชุมชน
 
          หลังจากจบชั้นประถมศึกษา ศจียืนกรานจะเรียนต่อ นังจุกจึงพาศจีมาขอเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์ สถานศึกษาที่ลูกผู้ดีมีเงินมาหาความรู้บวกแข่งขันและแอบเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า สังคมที่ฉากหน้าเรียกตัวเองว่าผู้ดีแต่ฉากหลังฟอนเฟะไม่ต่างจากลูกเล้าของยายปริก ด้วยความเมตตาจากมาแมร์ ศจีจึงได้ทุนเรียนฟรี ศจีใช้จุดเด่นดับปมด้อยชาติกำเนิดด้วยการเรียนดี กิริยามารยาทงดงามไม่มีที่ติ ณ โรงเรียนแห่งนี้ศจีมีเพื่อนรักเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือ แกมแก้ว หรือ ลูกแก้ว ที่เป็นคนตั้งชื่อให้ศจีใหม่ว่า ศุภศจี จริงๆ ต้องบอกว่าลูกแก้วต่างหากที่ต้องการศจีเป็นเพื่อนสนิท เพราะลูกแก้วนั้นเป็นคุณหนูที่เกาะติดศจีทุกย่างก้าว เนื่องจากทำอะไรไม่เป็น ชีวิตเติบโตมาแบบไม่ติดดิน ไม่เคยลำบาก ลูกแก้วจึงชวนศจีให้นั่งรถส่วนตัวที่มาส่งมารับให้แวะไปบริการรับส่งศจีด้วย ศจียอมนั่งรถคันโก้ของลูกแก้ว ด้วยการนัดพบกันริมถนนปากซอย แล้วขากลับก็ส่งที่เดิม ไม่เคยยอมให้ไปที่บ้านแม้แต่ครั้งเดียว ลูกแก้วเป็นคนหัวอ่อน ขอเพียงศจียินยอมสนิทสนมด้วย เพื่อนบอกว่าอะไรยังไงก็ได้ไม่ใช่ปัญหา จนถึงวันจบการศีกษาที่นังจุกได้ภาคภูมิใจกับศจี เพราะเรียนดีมีความสามารถจนได้รับเลือกให้ขึ้นแสดง...
 
 
          นังจุกหลุดจากอดีต ปาดน้ำตามองสายฝนโปรยปราย ไม่ต่างจากคืนที่ตาศรีจากไป แล้วบอกกับภาพถ่ายตาศรีว่า “หนูทำสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้วนะน้า” เหมือนจะไถ่บาปในใจ ดึกแล้วศจีเห็นจุกไม่ยอมนอนเลยเข้ามาบอกแม่ว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว เพราะศจีรู้ดีว่าอนาคตเธอนั้นไม่จำเป็นจะต้องพึ่งปริญญา ทั้งที่เพื่อนส่วนใหญ่เลือกจะไปสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังเมืองไทย หรือบางคนไปเรียนต่อถึงต่างประเทศ แต่ศจีกลับเลือกจะทำงาน ลึกๆ ศจีรักแม่ ไม่อยากให้แม่ลากสังขารทำงานทำสวนต่อไปอีก นังจุกยามนี้ร่างกายผ่ายผอมหมดสภาพ เป็นเพียงหญิงชราที่หมดหวังในชีวิต ทุกอย่างตามใจลูก ศจีเองก็พูดกับแม่นับคำได้ บางวันไม่เคยพูดจากันเลยก็มี พอศจีบอกว่าไม่เรียนต่อจะทำงาน นังจุกก็ไม่คัดค้านใดๆ แต่คิดในใจว่าคงไม่หยุดปลูกผัก เก็บผักขายอยู่ดี 
 
          คฤหาสน์หลังงามของคุณหญิงอรุณวตียังเปิดไฟส่องสว่าง เพราะ ปราจิต ท่านทูตหนุ่มหล่อสามีของคุณหญิงเพิ่งกลับจากการควงคู่รัชนีฉาย น้องสาวต่างแม่ลูกผู้น้องของคุณหญิงที่สวยเหมือนดอกไม้สีสดออกงานสังคมแล้วพากันไปฟังเพลงต่อ แม้จะดึกแล้วแต่รัชนีฉายก็ยังหัวเราะเสียงใสแววตาเปี่ยมสุขทำเหมือนเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน พอเห็นว่าคุณหญิงยังไม่นอนก็ทำท่าห่วงใยสุขภาพ แล้วบอกว่ายินดีจะเป็นตัวแทนคุณหญิงออกงานกับปราจิต และทำทุกอย่างแทนให้ดีหรือดีกว่าอย่ากังวล ภาพน้องสาวที่ร่วมใช้สามีด้วยนั้นเจ็บลึกในใจคุณหญิงอรุณวตี แต่ฉากหน้ามีเพียงยิ้มเยือกเย็น จนป้าวรรณอดเห็นใจนายที่หวานอมขมกลืนเพราะเป็นผู้ดีมีแต่ให้ไม่ได้ รัชนีฉายยังไม่หยุด ออดอ้อนออเซาะปราจิตอยากมาใช้ห้องหอของพี่สาวในคืนนี้ แต่ปราจิตกลับไม่ตกลง เว้นไว้เกรงใจภรรยา รับปากจะไปหาที่ห้องนอนของรัชนีฉายแทน แต่อย่างไรก็ไม่ค้างด้วยทั้งคืน รัชนีฉายแม้ไม่พอใจ แต่ก็จำต้องยอมไปก่อน
 
          วันที่ศจีมาพบมาแมร์เพื่อของานทำ มาแมร์เห็นเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษ พิมพ์ดีดได้ จึงรับศจีให้ทำงานในฝ่ายธุรการของโรงเรียน ด้านสุพรรณไม่ได้เจอหน้าศจีก็คิดถึงมาดักพบ อ้างเพื่อขอโทษที่ไปงานโดยไม่บอกล่วงหน้า แล้วถามว่าศจีเลือกคณะที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือยัง เขายินดีจะติวสอบให้เพราะเคยผ่านการสอบมาก่อนจนตอนนี้เป็นนิสิตรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ปีสองแล้ว ศจีกลับบอกแค่ขอบใจ ไม่ยอมเล่าว่าเธอเลือกทำงาน...
 
          สุพรรณนึกถึงปีที่แล้วตอนเข้ากรุงเทพมาอาศัยวัด เจอศจีก็หลงรักทันที เขาวาดหวังว่าเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วได้เป็นปลัดอำเภอ จะสร้างอนาคตเพื่อศจี หญิงที่เป็นรักแรกพบ เพื่อชักนำตัวเองและศจีหลุดจากปรักตมของชุมชนแออัดที่อย่างกึ่งกลางระหว่างวัดกับซ่อง สุพรรณไม่รู้ว่าความใฝ่สูงทำให้ศจีแม้จะหวั่นไหวตามวัยแต่กลับกักเก็บความรู้สึกนั้นไว้และไม่คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กวัดที่มาขออาศัยอยู่ที่วัดใหญ่ศรีสุพรรณ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แม้สุพรรณจะคอยตามส่งไมตรีให้อย่างต่อเนื่อง ยามศจีไปทำงาน สุพรรณไปเรียน ก็ตามออกค่ารถเมล์ให้ แต่ศจีกลับปฏิเสธสุพรรณด้วยท่าทีเยาะหยัน ดูถูกว่าไม่เจียมตัว คิดจะมีแฟน ศจีไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่าทางเหยียดหยามอย่างต่อเนื่องของเธอนั้นได้แปรความรักกลายเป็นความแค้นที่สุพรรณคอยเวลาจะเอาชนะ
 
 
          ที่แท้ชีวินคือหนึ่งในเพื่อนนิสิตร่วมคณะของสุพรรณ ด้วยกิจกรรมกลุ่มทำให้สองหนุ่มเริ่มสนิทกัน เลยมีผลให้แกมแก้ว นิสิตปีหนึ่งได้พบและรู้จักกับสุพรรณ รุ่นพี่ปี 2 รูปหล่อที่มีบุคลิกเงียบขรึมไม่แสดงท่าตื่นเต้นเมื่อเจอลูกสาวท่านทูต ขณะที่แกมแก้วนั้นตกหลุมรักสุพรรณ วาดฝันอยากเป็นแฟนด้วยในใจ
 
          งานธุรการโรงเรียนทำให้ศจีสามารถเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ทั้งการทำงาน การเข้าสังคมผู้ดี การเล่นเปียโน เย็บปักถักร้อย และเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมได้อย่างดี ศจีจึงกลายเป็นสาวสวยที่โตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน มีความเชื่อมั่นในตัวเองและวางตัวดีมีระดับ แล้ววันหนึ่งลูกแก้วแวะมาหามาอวดศจีว่าได้เข้าเรียนในคณะดังของมหาวิทยาลัยมีชื่อเก่าแก่ แล้วยังได้ทาบทามให้ศจีไปทำงานเป็นเลขาส่วนตัวคุณหญิงอรุณวตี เพราะคุณหญิงแม่นั้นสุขภาพไม่ดี แต่ด้วยมีภารกิจต้องรับแขกบ้านแขกเมืองร่วมกับสามีที่มีตำแหน่งใหญ่มีเกียรติในกระทรวงต่างประเทศ ไหนจะงานสังคมสงเคราะห์มากมายที่ช่วยสนับสนุนให้เกียรติยศของสามีดูดีไม่ด่างพร้อยอีก จึงต้องการผู้ช่วยที่จะมาจัดการงานจุกจิก เพื่อเตรียมความพร้อมให้คุณหญิงไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป ศจีมองเห็นอนาคตว่า ถ้าอยากเป็นคุณหญิง ก็ต้องเรียนรู้วิถีและซึมซัมจากคุณหญิงตัวจริง ศจีจึงตอบรับงานนั้นด้วยการยื่นใบลาออกจากคอนแวนต์ทันที มาแมร์ไม่คัดค้าน ก่อนจากยังได้เตือนสติศจีเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ตลอดชีวิต จะไม่มีใครได้ชัยชนะเสมอไป ถ้าเรารู้จักคำว่าแพ้เสียบ้าง เราจะได้ไม่เสียใจจนเกินไป” คำพูดของมาแมร์อยู่ในความทรงจำแต่ไม่ทะลุเข้าไปถึงหัวใจ เพราะศจีมีความเชื่อมั่นว่า “มันสมองกับสองมือเท่านั้น ที่จะช่วยเธอให้บรรลุฝันนั้นได้” เป้าหมายของศจีคือ การถีบตัวเองออกจากการถูกตราหน้าว่าเป็นลูกของผู้หญิงหากิน เติบโตในซ่อง พ่ออย่างตาศรีก็ตายจากไปปริศนา พ่อที่ไม่ได้ตั้งใจอย่างซิงค์ก็ไม่อยู่ในสายตา เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้า ศจีต้องมีต้องได้ต้องไปให้ถึง
 
          คฤหาสน์หรูหราของคุณหญิงอรุณวตีนั้นเหมือนบ้านในฝันของใครหลายๆ คนรวมทั้งศจีด้วย แต่ในความเป็นจริง บ้านหลังนี้ก็แค่ภาพมายาหรูหราร่ำรวยมีเกียรติแต่แอบซ่อนเรื่องร้อนเร้นลับน่าอับอายไว้ไม่ต่างจากซ่องของยายปริก เหตุมาจากคุณหญิงอรุณวตีป่วยด้วยโรคหัวใจจึงไม่สามารถทำหน้าที่ทั้งในฐานะภรรยาทางพฤตินัยและออกงานสังคมเฉิดฉายในฐานะคุณหญิงของท่านทูตได้เต็มที่ปราจิตกับรัชนีฉายจึงมีข้ออ้างที่จะควงคู่ไปไหนๆ ได้อย่างชอบธรรม 
 
 
          แท้จริงแล้วรัชนีฉายเป็นลูกสาวของอาลัย น้าของคุณหญิงที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงเพราะแต่งงานกับพ่อคุณหญิงหลังจากอุราแม่คุณหญิงจากไปด้วยโรคภัย เหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย รัชนีฉายไม่ใช่แค่ออกงานกับปราจิตเท่านั้น แต่เธอยังจ่อคิวจะรับมรดกเป็นคุณหญิงทูตต่อจากพี่สาวซึ่งสามวันดีสี่วันไข้ด้วยการแอบมีสัมพันธ์กับคุณปราจิตตั้งแต่คราวแอบติดตามปราจิตไปเมืองนอก แล้วเลื่อนขั้นจากน้องสาวภรรยา เป็นภรรยาลับๆ เหตุการณ์เจ็บปวดนี้ ปราจิตแค่สารภาพกับภรรยาว่า ผู้ชายนั้นต่างจากผู้หญิงยังต้องการเรื่องอย่างนี้เพื่อความชุ่มชื่นหัวใจ เหมือนกินอาหารมื้อหลักแล้วต้องมีผลไม้หรือของหวาน แล้วแทนที่จะไปวุ่นวายกับหญิงอื่น สู้เป็นน้องสาว เรื่องทุกอย่างน่าจะรอมชอมและเรียบร้อยไร้คำครหา คุณหญิงอรุณวตีแม้เจ็บแสนเจ็บที่สภาพของตัวเองไม่ต่างจากแม่และน้าที่ร่วมใช้สามีคนเดียวกันแต่ก็จำต้องยิ้มรับ พร้อมบอกสามีว่าต่อจากนี้ไปจะให้สิทธิ์สามีทางพฤตินัย มีเครื่องมือระบายอารมณ์ได้ ปราจิตเลยยิ่งอิ่มเอม ดีใจที่ภรรยาไม่ต่อว่าโวยวาย รัชนีฉายเมื่อรู้เรื่องนี้ก็ดีใจ แต่กิเลสตัณหาเป็นของไม่เข้าใครออกใคร แรกๆ ลักกินขโมยกินก็สนุกตื่นเต้น แต่พอนานวันเข้า ย่อมอยากจะครอบครองเป็นของตัวเองคนเดียว จึงทำให้รัชนีฉายล้ำเส้นพยายามจะมาแทนที่ ทำเหมือนคุณหญิงไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว
 
          ฉากหน้านั้นคุณหญิงอรุณวตีคล้ายยอมรับสถานภาพลับๆ ของสามีกับน้องสาวได้ ไม่มีใครรู้ว่าคุณหญิงมีแผนอันแยบยลจะเอาคืนสามีกับน้องสาวที่ไม่รู้จักหยุดจักพอหรือสำนึกถึงศีลธรรม เมื่อวันงานโรงเรียนคุณหญิงได้เห็นศจีและรับรู้เรื่องราวประวัติของศจีจากลูกแก้วเพิ่มเติม คุณหญิงจึงเดินหน้าทันที เพราะห่วงว่าหากไม่จัดการสิ่งใดก่อนที่จะจากลาโลกนี้ไป ลูกชายลูกสาวแท้ๆ อาจจะต้องเผชิญปัญหาที่แก้ไม่ตก เพราะรัชนีฉายไม่เคยหยุดจะแสดงให้ใครๆ รู้ว่าเธอนั้นมาแชร์สามีและรอรับมรดกตำแหน่งคุณหญิงภรรยาทูตด้วยการวางตัวลับหลังเป็นเจ้าของบ้าน เจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปราจิต แล้วลามไปถึงลูกชายลูกสาวของเธอ ชีวินนั้นตัดปัญหาไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจด้วยการเลี่ยงจะเสวนากับผู้เป็นน้าที่แสดงตัวชัดว่าจะเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่
 
          ดังนั้นเมื่อศจีก้าวเข้ามาทำงานในฐานะ “ศุภศจี” เลขาส่วนตัวของคุณหญิง ศจีจึงกลายเป็นที่จับตามองของรัชนีฉาย เริ่มระแวงว่าคุณหญิงจะใช้ศจีเป็นตัวลดอำนาจและแย่งชิงพื้นที่ อาการเป็นเดือดเป็นร้อนของรัชนีฉายถูกคุณหญิงอรุณวตีเฝ้าดูพร้อมรอยยิ้มด้วยปากถากด้วยนัยน์ตา ป้าวรรณมองด้วยความเป็นห่วง อายุที่ผ่านโลกมานานทำให้รู้ว่าศจีนั้นเห็นนิ่งๆ แต่แววตาซ่อนบางอย่างที่ไม่ธรรมดาไว้
แผนการและกลยุทธ์ของคุณหญิง เรื่องน้ำตาลใกล้มด มีหรือมดจะห้ามอดใจได้ และมดนั้นก็ไม่เคยหยุดอยู่ที่น้ำตาลเพียงกองเดียวจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ ด้วยความสวยในวัยแรกแย้มท่าทางการวางตัวที่โตเกินไวและสีหน้าสงบนิ่งของศจีที่คุณหญิงเนียนๆ เอาใส่พานเสนอสามีก็ได้ผล ปราจิตเริ่มต้องตาศจี สาวสวยคนใหม่ที่สดใสด้วยวัยน้อยนิด ยิ่งนิ่งยิ่งน่าค้นหา บวกกับปราจิตเริ่มเบื่อคนเก่าที่แม้จะสาวกว่าภรรยาตามกฎหมายแต่ก็ใช้จนทะลุปรุโปร่ง ยิ่งรัชนีฉายพยายามจะแสดงความเป็นเจ้าของทั้งที่เป็นแค่ตัวสำรอง ในสายตาคาสโนว่าที่เจนเวทีของปราจิตเลยมองเห็นศจีเป็นของหวานที่อยากลิ้มลองเย้ายวนใจปราจิตยิ่งนัก ตื่นเต้นที่จะหาทางเข้าไปชิมของหวานใหม่ในเร็ววัน 
ยิ่งศจีเข้ามาทำงานใกล้ชิดกับคุณหญิงมากเท่าไหร่ ศจีก็เริ่มซึมซับกิริยามารยาทไม่ว่าจะเป็นการเดิน พูดจาหรือกินข้าว และความรู้ในการเข้าสังคมซึ่งศจีนั้นสามารถใช้ภาษาที่ร่ำเรียนจากคอนแวนต์ได้อย่างคล่องแคล่ว จนอากัปกิริยาของศจีนั้นเหมือนกันคุณหญิงเข้าไปทุกวัน คุณหญิงเองก็จะคอยย้ำกับแขกผู้ดีมีเกียรติทุกคนอยู่เสมอว่าศจีนั้นเป็นเหมือนตัวแทนของตัวเอง อีกทั้งยังคอยหยิบยื่นเสื้อผ้าสวยมีราคาให้ แถมยังยกพลอยสีเขียวสดที่ประมูลซื้อเพื่อการกุศลให้ศจี จนบรรดาคุณหญิงคุณนายแอบนินทาว่าเหมือนไก่ได้พลอย ศจียอมรับมาด้วยอาการไม่ยินดีใดๆ
 
 
          จนวันหนึ่งศจีกลับจากทำงานแล้วพบว่ายายปริกและลูกเล้ามาดักรออยู่ปากทางเข้าเพื่อบอกข่าวเรื่องซิงค์ว่ากำลังเป็นตายเท่ากันอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความโลภไม่สิ้นสุด ยายปริกเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะพยายามอีกครั้งให้ศจีแสดงตัวเป็นลูกเพื่อหวังจะฮุบเอาเงินทองทรัพย์สมบัติของซิงค์ แต่ศจีกลับเชิดหน้าปฏิเสธด้วยท่าทีหยิ่งยโส ทั้งที่ในใจเดือดพล่าน คณะของยายปริกจึงต้องหน้าแตกกลับไป แต่ข่าวต้นกำเนิดแท้จริงของศจีนั้นกลับไม่จบ เรื่องอย่างนี้มักจะเป็นที่สนุกปากชาวบ้านนัก เลยต่างขุดคุ้ยใส่ตีไข่กันอย่างรื่นรมย์ จนศจีที่เคยวางตัวเหมือนผู้ดีนั้นต้องหลุดปากด่าว่าด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนซึ่งเป็นอีกภาคที่ซึมซับมาจากเล้าของยายปริก จนชาวบ้านปากเสียต้องกระเจิงไปตามๆ กัน  เว้นแต่สุพรรณที่ยืนมองศจีด้วยสายตายิ้มเยาะพร้อมบอกศจีว่า “โบราณเขาว่าอย่าเอาทองมาครูดกระเบื้อง เว้นเสียแต่ว่าสัญชาตินั้นจะเป็นกระเบื้องด้วยกัน” แล้วเดินจากมา ทิ้งให้ศจีนั้นเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจ ความรักที่ดูสูงค่าซึ่งสุพรรณเคยมีให้ศจี ตอนนี้เปลี่ยนเป็นความชังสมบูรณ์แบบแล้ว 
 
          ลูกแก้วเฝ้ารอคอยจะเล่าให้ศจีฟังว่า ตอนนี้ได้ตกหลุมรักรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของชีวิน อยากขอคำปรึกษาศจีซึ่งทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเหมือนทุกครั้ง พอลูกแก้วบอกว่าอยากหาของขวัญดีๆ ให้รุ่นพี่ในวันเกิด ศจีเลยยกพลอยสีเขียวสดที่รับมาจากคุณหญิงให้ลูกแก้วที่ดีใจมากมาย ชักชวนศจีให้อยู่ฟังเรื่องตัวเองจนมืดค่ำ ปราจิตจึงได้โอกาสอาสาขับรถไปส่งศจีที่บ้าน เพราะมีแผนการลึกซึ้ง เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับศจีนั่นเอง 
 
          ศจีไม่ปฏิเสธไมตรีนี้ ระหว่างทางได้พูดคุยแสดงความคิดเห็นเรื่องความเท่าเทียมของหญิงชายว่า “ธรรมชาตินั้นให้ผู้ชายมาหมดทุกอย่าง ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือ ความซื่อสัตย์” ปราจิตอึ้งในตัวศจีมากไม่คิดว่าเธอนั้นอายุเท่ากับลูกสาวของตัวเอง แต่ความคิดความอ่านกลับเป็นผู้ใหญ่ กิริยาท่าทางก็ไม่แสดงว่าตื่นเต้นดีใจจนเกินงามที่ได้ใกล้ชิดได้คลุกคลีกับแวดวงผู้ดีมีฐานะ ความประทับใจศจีของปราจิตเลยพัฒนาขึ้นอย่างเงียบๆ  ขณะที่การกระทำของปราจิตก็อยู่ในสายตาของคุณหญิงอรุณวตีเสมอ จริงอยู่ป้าวรรณมักเตือนให้เธอตัดไฟเสียแต่ต้นลม แต่คุณหญิงอรุณวตีไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไฟกองเก่าอย่างรัชนีฉายน่าจะลดลงแล้ว แต่เชื้อไฟใหม่อย่างศจีที่เธอบ่มมากับมือนั้น น่าจะจัดการสามีของเธอได้อยู่หมัด เท่ากับแผนการของเธอก็ใกล้บรรลุเป้าหมาย 
 
          สุขภาพของคุณหญิงอรุณวตีทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานของศจีค่อนข้างวุ่นวาย เพราะศจีจำเป็นต้องเอาสมุดนัดหมายมาให้รัชนีฉายรับหน้าที่ออกงานแทนคุณหญิงที่นอนป่วยอยู่ในห้องชั้นล่าง จนศจีบังเอิญไปรู้เห็นการล้ำเส้นของรัชนีฉายที่เข้าไปนอนในห้องหอบนเตียงของคุณหญิงกับปราจิตเข้า ปราจิตปั้นหน้าไม่ถูก ขอร้องศจีไม่ให้บอกคุณหญิง ซึ่งศจีไม่ได้คิดจะบอก แต่คุณหญิงนั้นรู้เรื่องจากความสนุกปากของสาวใช้คนอื่นแทน  คุณหญิงจึงรู้ดีว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากนัก เธอต้องรีบจัดการเรื่องของศจีให้สำเร็จก่อนที่จะลาโลกนี้ไปตลอดกาล  
 
 
          ลูกแก้วขอร้องให้ศจีอยู่ช่วยงานวันเกิดรุ่นพี่ที่ตกหลุมรัก ศจีจึงได้รับรู้ว่ารุ่นพี่คนนั้นคือ สุพรรณ ความเจ็บแปลบในใจแวบเข้ามา แต่แล้วศจีก็ยังสามารถปั้นหน้านิ่งได้เมื่อสุพรรณหันมาเห็นและสบตาอย่างจัง ด้วยต่างฝ่ายต่างรู้กำพืดกันอย่างดีว่าศจีมาจากไหนและสุพรรณเป็นใคร สุพรรณเสียอีกที่อดจะหาโอกาสพูดจาแขวะศจีเรื่องบัวในตมไม่ได้ ศจีก็ตอกกลับไปด้วยคำแบบผู้ดีที่ยิ่งทำให้สุพรรณเหมือนโดนตีแสกหน้า การแสดงออกของศจีและสุพรรณอยู่ในสายตาของชีวินซึ่งแอบสนใจศจีมาตั้งแต่ลูกแก้วเพียรเล่าเพียรชื่นชมเพื่อนสนิทคนนี้ตั้งแต่สมัยเรียนคอนแวนต์ จนได้มาเจอตัวจริงของศจี แต่ด้วยทิฐิถือหยิ่งของชีวิน แล้วชาติกำเนิดที่ต่ำกว่าของศจี ทำให้เขาเองไม่กล้าแสดงออกว่ารู้สึกชื่นชมศจีเช่นกัน ชีวินกลับแสดงออกด้วยการมองศจีเหมือนวัตถุโปร่งแสง ทำให้ศจียิ่งแค้นเคืองชีวินเพิ่มขึ้นว่าเป็นอีกคนที่ต้องเอาชนะให้ได้ 
 
          ศจีมองเห็นเข็มกลัดประดับพลอยสีเขียวสดที่ลูกแก้วให้สุพรรณเป็นของขวัญวันเกิดก็แอบยิ้มเยาะก่อนที่จะขอตัวกลับบ้าน สุพรรณกลับไม่ปล่อยให้ศจีไป ตรงเข้าไปกอดจูบเพื่อแสดงความรู้สึกรักและปรารถนาจะเป็นเจ้าของที่เก็บกดมานาน ศจีตบหน้าสุพรรณฉาดใหญ่แล้วเดินจากไปด้วยมาดทระนง ปราจิตกำลังเหนื่อยหน่ายที่ต้องควงคู่รัชนีฉายออกงานซึ่งจัดอยู่อีกฟากของบ้านเลยอาสาไปส่งศจี เมื่อได้ใกล้ชิดและพูดคุยอีกครั้ง ปราจิตนั้นแสดงออกชัดเจนว่าตื่นเต้นมีความสุขที่ได้อยู่ตามลำพังกับศจี
 
          คุณหญิงอรุณวตีรับรู้เรื่องปราจิตไปส่งศจีด้วยการขับรถไปเอง แม้อาการป่วยจะยังไม่ได้ดีขึ้น แต่คุณหญิงก็สามารถฝืนแข็งแรงเพื่อสานต่อให้แผนการเดินหน้า ชวนศจีออกไปนั่งรถเล่นรอบเมือง แล้วแวะชวนปราจิตให้มากินมื้อเที่ยงด้วยกันสามคน ปราจิตมีนัดจะไปพบรัชนีฉายที่บ้านอาลัย แต่เปลี่ยนใจเลื่อนนัดอ้างภารกิจสำคัญ รัชนีฉายรู้เข้าก็อาละวาดลั่นบ้าน จนอาลัยอับอายต้องปรามให้ใจเย็นๆ อาลัยนั้นรู้ดีว่าบัดนี้ลูกสาวคนโตตกที่นั่งเดียวกับตัวเองในอดีต แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง อาลัยจะอยู่อย่างสงบ แต่รัชนีฉายกลับโวยวาย แสดงท่าจะฮุบเอาทุกอย่างที่เป็นของคุณหญิงอย่างออกนอกหน้า 
 
          ไฟริษยาของรัชนีฉายยิ่งโหมกระพือเมื่อรู้จากสาวใช้ว่าเมื่อคืนวานปราจิตขับรถออกไปกับศจีสองคน รัชนีฉายยังไม่ทันจะจัดการกับไฟนั้น ปราจิตก็พาศจีเข้ามาในบ้าน อ้างว่าคุณหญิงใช้ให้มาทำธุระแทน ให้ศจีมารบกวนขอคำปรึกษาเรื่องการจัดดอกไม้ออกงานสังคมงานหนึ่งจากอาลัย คุณหญิงไม่ได้มาพบด้วยตนเองเพราะรู้สึกเหนื่อยจากอาการป่วยเลยขอตัวกลับบ้านไปก่อน 
 
 
          แท้ที่จริงนั้นเกมนี้คุณหญิงวางแผนให้ปราจิตเปิดตัวพร้อมศจีเพื่อประกาศศึกกับรัชนีฉายตรงๆ อาลัยแม้รู้เท่าทันหลานสาว พยายามปรามลูกสาวไม่ให้กรีดร้องอาละวาดใส่ทั้งสองคน แต่เรื่องกลับตรงกันข้าม ปราจิตจึงรีบพาศจีลาอาลัยกลับไปโดยไม่ยอมมองหน้ารัชนีฉายเลย รัชนีฉายหันมาฟูมฟายฟ้องแม่ว่าคุณหญิงกลั่นแกล้ง ขอให้ช่วยจัดการ อาลัยได้แต่มองลูกสาวอย่างอ่อนใจ 
 
          ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ปราจิตอาสาขับรถไปส่งศจี ระหว่างทางกลับบ้านปราจิตแกล้งพาศจีเลี้ยวเข้าสถานเริงรมย์โดยอ้างว่าอยากหาอะไรกิน แล้วก็แสร้งทำเป็นตกใจเมื่อเห็นว่าที่นี่เป็นแหล่งของผู้ชายซึ่งควงอีหนูหรือบ้านเล็กบ้านน้อยมาเริงร่า รวมทั้งยังมีบริการทางเพศอย่างลับๆ อีกด้วย ปราจิตเล่นละครต่อด้วยมาดเสือเฒ่า รีบพาศจีออกจากร้านพร้อมพูดขอโทษศจีไม่หยุดปาก หารู้ไม่ว่าศจีไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าสถานที่นั้นมีไว้ทำอะไร สถานที่แนวนี้หากเทียบกับซ่องของยายปริกแล้วถือว่าดีกว่ามากมาย แต่เพื่อเป้าหมายสูงสุดที่ศจีมองว่าปราจิตนั้นเป็นธงชัยที่จะพาเธอเดินไปถึงฝันที่ต้องการได้ ศจีจึงแสร้งเชื่อสิ่งที่ปราจิตบอก  ปราจิตเลยคิดลำพองที่สามารถหลอกล่อให้เด็กสาวอย่างศจีเชื่อว่าจริงใจได้ หารู้ไม่ว่าตอนพาศจีเดินออกมานั้น อดีตลูกเล้าของยายปริกได้มากับคู่ขาแล้วเห็นศจีเต็มๆตา อดจะเม้าท์ไม่ได้ว่าทำท่าสูงส่งที่แท้ก็ลงต่ำขายของเก่าเหมือนพวกตัวเอง
 
          ยายปริกจึงมาดักศจีไว้ก่อนเข้าบ้าน ถามเรื่องราวว่าจริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องเรียกค่าเสียหาย อย่าไปเสียให้ใครฟรีๆ ศจีกลับทำหน้าเฉยตอบยายปริกด้วยเสียงเย็นชาว่าไม่ได้ทำอะไรและจะไม่เรียกเงินเด็ดขาด ยายปริกเจ็บใจที่ไม่สามารถพูดโน้มน้าวศจีได้ จึงตัดสินใจเรียกลูกเล้าที่พอจะเขียนหนังสือได้ ให้เขียนจดหมายด้วยภาษาและตัวอักษรผิดๆ ถูกๆ ส่งไปข่มขู่ที่บ้านของคุณหญิงอรุณวตี โดยลงชื่อซะสวยหรูว่าจากคุณยายบุญปลีก...หารู้ไม่ว่าจดหมายหรือเอกสารทุกอย่างจะต้องผ่านการคัดกรองของศจีก่อนนำเสนอคุณหญิง ศจีจึงแอบซุกจดหมายฉบับนั้นไว้ในซอกกระเป๋า จังหวะที่รัชนีฉายแอบเห็นพอดีเลยถือวิสาสะหยิบไปอ่าน พอรู้ข้อความก็รีบเอาจดหมายไปฟ้องคุณหญิง กรีดร้องว่าช่างเป็นเรื่องอัปยศที่สามีของทั้งสองคนไปยุ่งกับเด็กชั้นต่ำอย่างศจี คุณหญิงกลับยิ้มใจเย็นแล้วพูดว่า “ถ้าพี่โวยวายว่าใครมาร่วมใช้สามี พี่ก็คงจะทำตั้งแต่รู้เรื่องของน้องกับสามีแล้ว” รัชนีฉายจึงหันไปอาละวาดใส่ศจีกับปราจิตที่ต่างเดินเข้ามา ปราจิตยืนยันว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่รัชนีฉายไม่เชื่อ ลับหลังก็อาละวาดหนักร้องไห้ฟูมฟายประกาศขอเลิกกับปราจิต จนเขารำคาญบอกว่าก็ตามใจ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดมีคุณหญิงอรุณวตีแอบยิ้มเย็นอยู่ในใจว่าแผนการของเธอใกล้จะสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว 
 
          ในเมื่อไม่มีใครสนใจ รัชนีฉายจึงแล่นกลับไปที่บ้านตัวเอง ร้องไห้ฟูมฟายไร้ศักดิ์ศรีให้แม่ช่วยจัดการ อาลัยต้องเตือนสติลูกสาวว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่อยากและเล็มของใหม่ไปเรื่อยๆ แต่รัชนีฉายไม่ฟัง เธอมั่นใจว่าทั้งหมดเป็นแผนการชั่วร้ายของพี่สาวที่ไม่ต้องการให้เธอมาแย่งตำแหน่งคุณหญิงไปครอง รัชนีฉายไม่มีทางยอมแพ้เด็กศจีตามเกมที่คุณหญิงวางแผนไว้อย่างแน่นอน
 
 
          เมื่อเลิกงานศจีตรงดิ่งไปที่บ้านยายปริกทั้งที่ไม่เคยไปเหยียบมานาน ศจีส่งสายตานิ่งแต่เย็นชา หน้าเชิดบอกกับยายไม่ให้ส่งจดหมายไปที่บ้านคุณหญิงและอย่ามายุ่งกับชีวิตของเธออีก ยายปริกนั้นถึงแม้ว่าจะไม่เคยยอมแพ้ใครเรื่องปากจัด แต่เมื่อมาเจอมาดนิ่งสุขุมแต่เอาจริงของศจีก็ได้แต่อึ้ง นึกเจ็บใจที่หลานไม่ยอมเป็นเครื่องมือหาเงินง่ายๆ 
 
          รัชนีฉายเริ่มคิดหาวิธีขับไล่ศจีออกไปให้พ้นทางด้วยการไปเล่าให้ชีวินรับรู้เรื่องที่ปราจิตคิดจะให้ศจีมาเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ ทั้งที่คุณหญิงยังมีลมหายใจอยู่ แต่หัวใจของชีวินกลับเจ็บจนชา เมื่อรับรู้ว่าที่แท้ตัวเองนั้นแอบหลงรักศจี แต่ด้วยทิฐิเลยทำเป็นเมินไม่มอง ด้วยคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงมาดยโสอย่างศจีจะใช้ทางลัดด้วยการยอมเป็นเครื่องเล่นของพ่อตัวเอง ชีวินจึงตัดสินใจเข้าไปพบศจีถึงในห้องทำงาน แต่แทนที่จะบอกความในใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร กลับด่าว่าศจีเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ศจีเลยตอกกลับไปว่า ชีวินนั้นไม่ต่างอะไรผู้ชายทั่วไป อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง แท้จริงแล้วชีวินเองก็อยากจะลองชิมขนมข้างถนนอย่างเธอดูเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้า และให้สัญญากับชีวินว่าจะไม่มาแทนที่คุณหญิงอย่างเด็ดขาด ชีวินอึ้งเมื่อเจอวาจาที่เจ็บแสบยิ่งกว่าการโดนตบหน้า ศจีพูดจบแล้วก็ยังสามารถสงบนิ่งด้วยอาการของผู้ใหญ่หันไปทำงานต่อไม่สนใจชีวิน แม้ในใจศจีจะเสียดาย ถ้าเลือกคบหากับชีวินที่เรียนการทูตเหมือนพ่อ อนาคตของศจีเองก็คงจะได้เป็นคุณหญิงตราตั้งอย่างถูกต้อง แต่ทางเลือกนี้คงไม่มีทางเป็นจริง แล้วสุพรรณล่ะ ถ้าเรียบจบก็จะมีอนาคตเป็นปลัดอำเภอ แต่จุดนี้ไม่สามารถพาศจีไปสู่ฝั่งฝันได้ เมื่อทบทวนดีแล้ว ศจีจึงต้องเลือกทางลัดผ่านปราจิตตามแผนการของคุณหญิงอรุณวตีต่อไปเพราะความรักไม่ได้ช่วยให้เป้าหมายบรรลุ 
 
          ศจีกลับบ้านอย่างอ่อนแรง แต่กลับเจอลูกแก้วขับรถคันใหม่โก้มาทักทายเสียงใสมีความสุข ศจียิ้มตอบ แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าลูกแก้วมาส่งสุพรรณก่อนจะขับรถจากไป สุพรรณแวะค่อนขอดศจีด้วยวาจาที่เผ็ดร้อนว่า “คนพื้นเพใกล้เคียงกัน กำลังแข่งกันพัฒนา” ศจีตอบโต้กลับว่า “ผู้ชายที่ได้ดีเพราะเกาะเมียกิน สงสัยยังไม่มีใครจะยอมรับ” แล้วเดินจากไป เกมแข่งขันกันถีบตัวเองนี้เพิ่งเริ่มต้น
ลึกๆ แล้วสุพรรณเองรู้สึกผิดที่ตลอดระยะเวลาที่คบหาเป็นคนรักกับลูกแก้ว ฝ่ายหญิงต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้เขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงฐานะหรือขับรถมารับส่ง ลูกแก้วก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ สุพรรณยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเพราะข้าวก้นบาตรที่รดหัวอยู่ทุกวันคอยย้ำเตือนคำสอนของหลวงพ่อว่า “คนที่เป็นคนโดยสมบูรณ์นั้นต้องมีความซื่อสัตย์ 2 ประการคือ ซื่อสัตย์ต่อตนเองและซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น” ถึงแม้ว่าจะรู้สึกผิดต่อลูกแก้ว แต่เพราะความแค้นในใจแรงกว่า สุพรรณจึงตัดสินใจเลือกว่ายังไงเค้าก็ต้องหาทางเอาชนะศจีให้ได้! 
 
          งานวันเกิดของคุณหญิงอรุณวตีในปีนี้จัดขึ้นยิ่งใหญ่กว่าเดิม คุณหญิงได้พูดคุยและแอบไฟเขียวกับปราจิต อนุญาตให้สามีนั้นเดินหน้ารับศจีเข้ามาเป็นภรรยาเพิ่มได้อย่างไม่ขัดข้อง อีกทั้งคุณหญิงยังแอบตบหน้ารัชนีฉายด้วยการให้สิทธิ์ศจีเข้าไปใช้ห้องแต่งตัวของเธอชั้นบนซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอนที่เคยเป็นห้องหอของเธอกับปราจิต ทั้งที่รัชนีฉายปรารถนาจะใช้และครอบครองห้องนั้นมานานแล้ว พอรัชนีฉาย ชีวินและสุพรรณที่อยู่ในงานเลี้ยงรู้ ต่างเกิดความหมั่นไส้ศจี โดยเฉพาะสุพรรณเมื่อรู้ความจริงว่าเข็มกลัดประดับพลอยสีเขียวที่ตัวเองใช้อยู่นั้นคือ พลอยของศจีที่ยกให้ลูกแก้ว ก็ทำให้สุพรรณแค้นศจีแทบกระอัก 
 
 
          เมื่อถึงเวลาจะกลับบ้าน ศจีเดินหลบเข้ามาเปลี่ยนชุดงานเลี้ยงที่ห้องแต่งตัวก็พบว่าปราจิตรออยู่แล้ว ปราจิตพยายามพูดจาอ่อนหวานหว่านล้อมศจีที่ยังวางท่านิ่งเฉย รัชนีฉายเดินตามหาปราจิตไปทั่วงานแล้วมาพบทั้งสองเข้าในสภาพที่ศจีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในฉากกั้น เกิดเข้าใจผิดว่าปราจิตกับศจีแอบมามีสัมพันธ์กันในห้องหอของพี่สาว รัชนีฉายเลยปรี๊ดแตกด้วยความอิจฉาริษยาจนฉุดไว้ไม่อยู่ รีบวิ่งไปบอกคุณหญิงที่อาการป่วยกำลังกำเริบจึงขอตัวกลับเข้ามาพักผ่อนในห้องชั้นล่าง เมื่อคุณหญิงได้ยินสิ่งที่รัชนีฉายใส่ไข่เข้ามารายงาน อาการของคุณหญิงยิ่งทรุด คุณหญิงเรียกศจีเข้าไปสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายว่าขอให้เธออยู่เป็นตัวแทนและเป็นหูเป็นตาแทนคุณหญิงในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของลูกแก้วกับสุพรรณที่คุณหญิงเองก็เห็นว่าสุพรรณครอบครองเข็มกลัดประดับพลอยสีเขียวที่เคยให้ศจี แล้วศจีให้ลูกแก้วไปอีกที คุณหญิงเห็นภาพในอดีตของตัวเธอเองที่เลือกปราจิตมาจากตมเพราะรูปหล่อเรียนดีแม้ไม่มีชาติกำเนิดใดๆ มายกย่องเป็นสามี สุดท้ายได้รับการตอบแทนอย่างไร คุณหญิงมองเห็นภาพในอนาคตของลูกแก้วกับสุพรรณเช่นกัน จึงขอร้องศจีก่อนสิ้นใจให้ขัดขวางลูกแก้วทุกทาง ศจีให้สัญญากับคุณหญิงด้วยชีวิต ท่ามกลางความวุ่นวายของแขกที่ทราบว่าคุณหญิงล้มป่วยกะทันหัน แล้วคุณหญิงอรุณวตีก็จากไปอย่างสงบ ใบหน้าของศจียังคงนิ่งเรียบแต่ใจของเธอเลื่อนลอย มีเพียงสุพรรณเท่านั้นที่สังเกตเห็น สุพรรณเกิดสงสารเลยอาสาพาเธอกลับบ้านพร้อมกับเตือนศจีว่า “ความตายไม่ใช่ของน่ากลัว ความตายคือความปรานีของธรรมชาติ” แต่ศจีนั้นกลับอยู่แต่ในภวังค์ของตัวเอง ไม่รับรู้ไปชั่วคราว 
 
          ศจีมองทุกสิ่งรอบตัวด้วยความทะเยอทะยานอยากอันรุนแรงแต่เงียบเชียบ ศจีรู้ดีว่า ถ้าจะหวังมืออื่นไม่ว่าจากมนุษย์หรือเทวดา ความหวังของศจีจะไม่มีวันสัมฤทธิ์ผลเป็นอันขาด ฉะนั้นเมื่อศจีอยากได้อะไร ก็ต้องใช้ทั้งมือและสมองตนเอง!
 
          วันรุ่งขึ้น ศจีกลับมาทำงานด้วยท่าทางที่ซึมซับมาจากคุณหญิงดังถอดแบบมา ศจียังคงสะสางงานและคอยเป็นหูเป็นตาแทนคุณหญิงตามที่ให้สัญญากันไว้ แม้ว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนกับลูกแก้วจะต้องสะบั้นลงก็ตาม เพราะรัชนีฉายเล่าเรื่องที่ปราจิตและศจีอยู่ด้วยกันในคืนนั้นให้ลูกแก้วและชีวินฟังอย่างใส่สีตีไข่ เพื่อหวังที่จะหาทางกำจัดศจีไปให้พ้น 
 
          หลังงานศพคุณหญิงผ่านไป ศจีเคลียร์งานที่ค้างจนเกือบหมด รัชนีฉายก็เข้ามาแสดงท่าข่มว่า หากศจีไม่มีที่ไป จะอยู่ทำงานในตำแหน่งนี้ต่อก็ได้ แสดงท่าข่มชัดเจนว่าจะเข้ามาเป็นคุณหญิงแทนพี่สาว ศจีเลยตอบว่าเธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น แต่จะไม่อยู่ที่บ้านนี้ในฐานะเดิม เธอจะอยู่ในฐานะภรรยาของปราจิตเพราะท่านได้ขอเธอแต่งงานแล้ว รัชนีฉายได้ยินก็อึ้งทั้งที่ในใจร้อนรุ่มดังโดนไฟเผา รัชนีฉายพยายามจะหาทางถามปราจิตที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ เมื่อไม่มีที่พึ่งจึงวิ่งโร่ไปหาอาลัย ให้จัดการเรียกปราจิตมาถามให้รู้เรื่อง ปราจิตเกรงใจอาลัยก็ยอมมาพบ อาลัยพยายามจะประสานรอยร้าวให้ลูกสาวพูดอย่างใจเย็น แต่แล้วรัชนีฉายก็ทำไม่ได้ ปราจิตฉลาดเลี่ยงตอบเรื่องแต่งงานที่รัชนีฉายได้ยินจากศจีว่าพูดยากเพราะคุณหญิงเพิ่งจะเสียไป ขืนรีบทำอะไรลงไปคนจะนินทาว่ามาถึงผู้ใหญ่ได้ พอถูกรุกเร้าให้ตอบตรงๆ ปราจิตก็อ้างติดงานด่วนเอาตัวรอดไปได้
 
          ปราจิตรีบวางแผนจะจัดงานแต่งงานกับศจี โดยไม่ให้รัชนีฉายมาเป็นก้างขวางคอ ปราจิตจึงใช้เส้นสายให้เพื่อนจัดทัวร์ฟรีไปเที่ยวยุโรปแล้วเอามาล่อรัชนีฉายให้ไปสักสองสัปดาห์ รัชนีฉายไม่รู้ความนัยนี้ ก็ดีใจรีบรับของฟรี กว่าจะรู้ตัวเมื่อสายว่าเธอนั้นเป็นแค่ไก่รองบ่อนที่ไม่สามารถเอาชนะแม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้วอย่างคุณหญิงอรุณวตี... 
 
 
          ด้านศจีมาเก็บเสื้อผ้าแล้วบอกแม่ว่าจะแต่งงาน จะย้ายไปอยู่บ้านโน้น บ้านคนที่เคยเป็นนายจ้าง นักจุกได้แต่มองลูก ไม่กล้าถามหรือคัดค้าน ที่จริงปราจิตเคยถามศจีว่าจะให้ไปขอกับแม่หรือไม่ แต่ศจีกลับบอกว่าไม่ต้อง เมื่อศจีจะไปนังจุกก็ยังเลอะเลือนบอกว่าจะมารอศจีกลับบ้านเหมือนทุกเย็นด้วยความรัก ถึงแม้ศจีจะรักแม่แต่เลือกโอกาสที่จะเอาชนะคนที่เคยดูถูก ไม่เคยคิดว่าความทะเยอทะยานอยากเปรียบเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งใช้ฟันฝ่าอุปสรรค อีกด้านจะย้อนมาทำลายศจีในภายหลัง
 
          ชาวบ้านพากันพูดว่ากรณีของศจีไม่น่าจะเรียกว่าแต่งงาน น่าจะเป็นการหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับผู้ชายมากกว่า ลูกเล้ายายปริกแอบเดาว่าน่าจะท้องเลยต้องไป เพราะศจีไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับปราจิต อ้างว่ากระดาษใบเดียวใช้อะไรได้ ในแวดวงที่ศจีต้องคลุกคลีเห็นออกมากมายที่ถือทะเบียนสมรสอยู่แต่หาความสุขไม่ได้ การเป็นผู้ดีนั้นต้องทนต้องแบกไว้ด้วยหน้าชื่นอกตรม คำพูดของคุณหญิงอรุณวตียังก้องอยู่ในหู
 
          “ผู้ดีไม่ได้แปลว่าคนบอบบาง ทนอะไรไม่ได้ แต่ผู้ดีแปลว่าผู้มีความอดทน มีความอดกลั้น ใครจะยังไงเราต้องทนได้ทั้งนั้น แม้แต่วาจาระคายหู แต่ผู้ดีจะต้องไม่พูดระคายหูใครหรือทำอะไรระคายใจใคร!” 
 
          ศจีจึงขอปราจิตเพียงจัดงานเงียบๆ เฉพาะในแวดวงคุ้นเคย และสัญญาว่าปราจิตจะต้องมีศจีเป็นภรรยาเพียงคนเดียว แต่ไม่สนใจว่าปราจิตจะจัดการกับคนเก่าอย่างรัชนีฉายหรือลูกๆ อย่างไร ศจีก้าวเข้ามาเป็น “คุณหญิงศุภศจี” ของปราจิต ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะความพยายามที่จะผลักดันตัวเองให้เดินมาจนถึงจุดสูงสุดที่เธอใฝ่ฝัน และสัญญาไว้กับตัวเองว่าจะไม่ขึ้นมาแทนที่คุณหญิงอรุณวตีโดยเด็ดขาด  
 
          สุพรรณรู้ข่าวเสียใจ เข้ามาปลอบใจไม่ให้ศจีคิดมาก ความตายเป็นเรื่องธรรมดาโลก แล้วยื้อศจีไว้เพื่อสารภาพว่าเขารักเธอ พร้อมจะเคียงข้างก้าวเดินไปด้วยกัน แต่ศจีกลับไม่สนใจ เพราะเลือกแล้ว สุพรรณเสียใจร้องไห้ไปดื่มเหล้าเมามายแล้วตัดสินใจนัดให้ลูกแก้วมาพบ คืนนั้นสุพรรณมีความสัมพันธ์กับลูกแก้วเพื่อต้องการจะประชดศจีว่ามีผู้หญิงที่ต้องการเขาเช่นกัน 
 
 
          คำว่า “เกียรติยศเป็นของร้อน” เป็นคำสอนของคุณหญิงที่ศจีกำลังเผชิญอยู่ เพราะในแวดวงสังคมชั้นสูงที่ดูสวยหรู จริงๆ แล้วคือ สังคมแห่งการสวมหน้ากาก นินทาว่าร้าย อิจฉาริษยา หาโอกาสอวดอ้างทรัพย์สินที่ฟาดฟันกันด้วยเล่ห์เหลี่ยมทุกรูปแบบในขณะที่ฉาบหน้าไว้ด้วยรอยยิ้มด้วยปากถากด้วยนัยน์ตา ที่ศจีนั้นไม่เคยเจอในบ้านของยายปริก เพราะที่ซ่อง โกรธ เกลียด ไม่พอใจก็ด่าว่ากันซึ่งหน้า ไม่แอบแทงข้างหลัง ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ  ดังนั้น นอกจากศจีจะต้องเหนื่อยจากการปั้นหน้าเชิดว่าเป็นผู้ดีแล้ว ศจียังต้องกลับมาทำศึกภายในบ้านกับชีวินที่เจ็บปวดใจพยายามหลบเลี่ยงที่จะเจอหน้า แล้วยังลูกแก้วที่ต่อต้านหมางเมินกับเธอ หายไปกับสุพรรณคราวละหลายวัน ปราจิตก็ไม่สนใจลูกๆ เพราะยังข้าวใหม่ปลามันกับศจีที่ถูกใจไปทุกเรื่องนั่นเอง
 
          จนกระทั่งวันหนึ่งศจีรู้ว่าลูกแก้วมีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก มีป้าวรรณคอยพยาบาลด้วยอาการหนักใจ แต่ลูกแก้วกลับปฏิเสธอย่างแข็งขัน ศจีที่เคยเห็นเหตุการณ์นี้จากบ้านยายปริกนั้นรู้ดีว่าไม่ผิดแน่ ศจีด่าว่าที่ลูกแก้วทำงามหน้าด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนสไตล์บ้านยายปริก จนป้าวรรณและลูกแก้วอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้เจอศจีเวอร์ชันนี้ ซ้ำยังออกคำสั่งให้ทั้งสองรีบแต่งตัวแบบปอนที่สุดเพื่อพากันขับรถคันเล็กออกไปหาคลินิกตรวจเพื่อความแน่ใจ ศจีรู้จักคลินิกแนวนี้จากบรรดาลูกเล้าของยายปริกเวลาพลาดต้องเอามารหัวขนออก ศจีเลิกวางมาดปลอมตัวเป็นแม่ค้าปากตลาดปากก็ด่าหลานสาวไม่รักดี ป่องขึ้นมาเลยต้องพามาทำแท้ง การปลอมตัวของศจีนั้นแนบเนียนจนหมอและพยาบาลไม่ผิดสังเกต ในใจของศจีนึกแค้นสุพรรณที่พยายามใช้ตัวลูกแก้วเป็นทางลัดเพื่อที่จะแข่งพัฒนาตัวเองให้ได้มาทัดเทียมกับเธอ  
          ทันทีที่รู้เรื่อง สุพรรณได้แต่กัดฟันกรอด ไม่คิดว่าศจีนั้นจะรู้ทันแผนการแถมยังจัดการได้เร็วถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตลอดเวลาที่คบกับลูกแก้ว หญิงสาวรักเขาด้วยใจจริง ประเคนทุกสิ่งอย่างให้รวมทั้งรถที่ยกให้สุพรรณครอบครองเอาไปใช้จอดไว้ที่วัด แล้วยังยอมมีความสัมพันธ์ชิงสุกก่อนห่ามด้วยเพราะรักคำเดียว เมื่อได้เห็นน้ำตาของลูกแก้ว สุพรรณจึงเริ่มรู้สึกตัวว่าได้ทำผิดกับเธอมาก เขาให้สัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย จะตั้งใจเรียนให้จบ รีบหางานทำแล้วแต่งงานกับเธอทันที ลูกแก้วกอดสุพรรณด้วยความเชื่อใจ ขณะที่ในใจของสุพรรณยังร่ำร้องหาแต่ศจีที่เขาไม่เคยหยุดรัก แม้จะรู้ว่าถึงเวลาตัดใจและยอมแพ้เสียที 
 
          หลังจากเรื่องของลูกแก้วจบลง มิตรภาพระหว่างศจีกับลูกแก้วกลับมาดีอีกครั้งเพราะศจีนั้นไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกปราจิตหรือชีวิน  ลูกแก้วยอมทำตามทุกอย่างที่ศจีสั่งยกเว้นเรื่องของสุพรรณ ศจีอ่อนใจที่ยังเห็นลูกแก้วออกไปหาสุพรรณอยู่ทุกวัน ในใจลึกๆ ศจีแอบหวั่นไหวเรื่องสุพรรณแต่จำต้องตัดใจ 
 
 
          เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่ศจีแวะมารับปราจิตออกไปกินข้าวกลางวันแล้วรถขับผ่านถนนแถวหน้าวัดใหญ่ศรีสุพรรณนั้น มีอุบัติเหตุรถเมล์ชนผู้หญิงคนหนึ่งกระเด็นมาที่หน้ารถของปราจิตพอดี ศจีเห็นหน้าหญิงเคราะห์ร้ายชัดเจน นังจุก แม่บังเกิดเกล้า มาดผู้ดีของศจีมลายไปสิ้น ศจีร้องไห้เหมือนเด็กๆ ร้องเรียกแม่ที่นอนอาบเลือดอยู่ตรงนั้นแต่ในมือยังกำผักสดและเงินไว้แน่น ปราจิตตกใจเพราะไม่เคยเห็นศจีในสภาพนี้ และคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงชาวบ้านท่าทางยากจนผอมเนื้อติดกระดูกตรงหน้าจะเป็นแม่แท้ๆ ของศจี ทั้งที่เคยรู้ว่าชาติกำเนิดของศจีไม่ได้สูงส่ง แต่เมื่อเจอความจริงกลับรับไม่ได้
 
          หนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครมเรื่องแม่ผู้ต้อยต่ำของคุณหญิงศุภศจี พากันขุดประวัติออกมาแฉใส่สีตีไข่ลากไส้เกินจริงจนเป็นเรื่องซุบซิบนินทาในวงกว้าง มนุษย์เรานั้น เรื่องไม่ดีของคนอื่นนั้นช่างเป็นอาหารปากอันโอชะ แต่ศจีไม่รู้สึกเดือดร้อน แม่ทั้งคนที่เจ็บเป็นตายเท่ากัน มีเพียงปราจิตที่เริ่มว้าวุ่นใจ กลัวประวัติของตัวเองจะด่างพร้อยทั้งที่ชาติกำเนิดแท้จริงก็ไม่ได้สูงส่ง แต่เมื่อได้เข้ามาอยู่ในแวดวงของคุณหญิงอรุณวตี ความสุขสมบูรณ์ย่อมทำให้หลงใหลภาคภูมิ จึงเป็นครั้งแรกที่ปราจิตมีปากเสียงกับศจี เริ่มมองเห็นว่าศจีนั้นเป็นเพียงแก้วเจียระไนที่ถึงแม้จะทอแสงแค่ไหนก็ไม่มีทางเทียบเท่าเพชรแท้ 
 
          ศจีนั้นเหลืออดกับความพยายามเป็นคุณหญิงที่เธอทำมาทั้งหมดกลับไม่มีค่าพ่อที่ปราจิตจะเรียนรู้คำกล่าวที่ว่า Love Me Love My Dog ถ้ารักเธอก็ต้องรักหมา (เรื่องด้านไม่ดี) ของเธอด้วย ศจีจึงเล่าประวัติแม่ ความสัมพันธ์กับบ้านยายปริกทั้งหมดให้ปราจิตและลูกแก้วได้รับรู้ วินาทีนี้ศจีรู้แล้วหน้าตานั้นไม่สามารถช่วยชีวิตแม่ของเธอได้ แม่ที่รักเธอสุดหัวใจ ศจีจึงไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลทุกวันพร้อมจะยอมจ่ายเงินทุกบาทเพื่อจ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้าแม่ โดยไม่คิดออกปากกวนปราจิตหรือใครๆ  
 
          ศจีพบสุพรรณที่ทราบข่าวมาดักรออยู่ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะวางท่าเป็นคู่แข่งกัน แต่เมื่อสุพรรณดูมีน้ำใจเข้าใจความรู้สึก ศจีก็ระบายความอัดอั้นทุกอย่างออกมาให้สุพรรณฟังเพียงคนเดียว ศจีตัดสินใจถอดแหวนแต่งงานของขวัญชิ้นเดียวที่ปราจิตเคยมอบให้ ขอร้องสุพรรณนำไปขายเพื่อเอาเงินมารักษาแม่ สุพรรณรับแหวนวงนั้นมาด้วยหัวใจหนังอึ้งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ายังรักศจีอยู่  
 
          สุพรรณไปขอความช่วยเหลือเรื่องเงินกับลูกแก้วโดยอ้างว่าเพื่อนเดือดร้อน โดยจะเอาแหวนมาเป็นประกัน เมื่อลูกแก้วเห็นแหวนก็รู้สึกคุ้นตาและมานึกออกเมื่อกลับมาบ้านแล้วพบว่าศจีไม่ได้ใส่แหวนแต่งงาน ลูกแก้วเข้าใจไปเองว่าเธอถูกหลอกใช้ ท่าทางของสุพรรณและศจีฉากหน้าเหมือนเกลียดกันแต่ลับหลังแล้วสองคนวางแผนจะเข้ามาฮุบสมบัติของเธอ การที่ศจีรีบพาเธอไปทำแท้งเพราะหึงหวงสุพรรณ ความเข้าใจผิดนั้นทำให้ลูกแก้วเก็บความโกรธเกลียดศจีและสุพรรณไว้ในใจและไม่ยอมรับโทรศัพท์ จน สุพรรณตัดสินใจมาเคลียร์กับลูกแก้วที่บ้าน พร้อมทั้งคืนกุญแจรถและข้าวของทุกอย่างให้ลูกแก้ว บอกว่าอยากให้เธอรักเขาจากตัวตนแท้จริง เขาเป็นเพียงเด็กวัดที่อาศัยข้าวก้นบาตร ยากจนและต้องทำงานส่งเสียตัวเองเรียน  ถึงแม้จะไม่ใช่คนร่ำรวยแต่สัญญาว่าจะพยายามหาเลี้ยงเธอให้ได้  ลูกแก้วรู้สึกปลาบปลื้มและคิดว่าตัวเองชนะศจีเลยยอมตกลงแล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่กับสุพรรณอีกครั้ง 
 
 
 
          เพียงไม่กี่วันนังจุกก็เสียชีวิต ศจีตัดสินใจจัดงานศพให้แม่ที่วัดใหญ่ศรีสุพรรณ วัดเดียวกับตาศรีผู้ที่ตนเองนับถือเป็นพ่อ แขกเหรื่อจากชนชั้นสูงแห่แหนกันมามากมาย ต่างคนเริ่มขุดคุ้ยประวัติของศจีที่มีแม่เป็นผู้หญิงหากินออกมาพูดอย่างสนุกปาก มีเพียงชีวินเท่านั้นที่เห็นใจศจีอย่างจริงใจ ข่าวแม่ของศจีเป็นข่าวครึกโครมจนรัชนีฉายสะใจที่ศจีเป็นได้เพียงภรรยาของขี้ทูต เพราะประวัติแสนคาวของนังจุก แม่ยาย ทำให้ปราจิตพลาดจากตำแหน่งที่หวัง โดยกรรมการให้เหตุผลว่าภาวะส่วนตัวบกพร่อง ปราจิตรู้ข่าวก็หมดแรงจะไปต่อ หวนคิดถึงคุณหญิงอรุณวตี รักของเธอคือ การให้ ให้เสียจนไม่เหลืออะไรแล้วแม้แต่ชีวิตตนเอง ปราจิตค้นพบว่าความหลงประกอบไปด้วยรูป รส กลิ่น เสียง เครื่องยั่วให้มัวเมา ส่วนความรักประกอบไปด้วยศรัทธา เกื้อกูลและให้อภัยกัน ปราจิตสัมผัสแล้วทั้งสองอย่าง หัวใจจึงสงบลง เหลือแต่เพียงความเสียใจในความผิดพลาดของตัวเองเท่านั้น
 
          ชีวินตัดสินใจบอกพ่อว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ปราจิตตามใจลูกชาย ชีวินได้พูดฝากฝังพ่อและน้องสาวไว้กับศจี ที่ยืนกรานว่าเธอจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณหญิงเรื่องของลูกแก้วกับสุพรรณ ชีวินจึงเข้าใจศจีมากขึ้น ลากันด้วยดี จู่ๆ ลูกแก้วเข้ามาบอกพี่ชายเรื่องจะแต่งงานกับสุพรรณทันทีเมื่อเรียนจบ ชีวินเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ลูกแก้วเองยังไม่กล้าพอที่จะเดินไปบอกพ่อ จึงแนะนำให้ไปบอกศจี ซึ่งเมื่อรู้ว่าลูกแก้วจะแต่งงานก็ ศจีคัดค้าน ประกาศจะไม่เป็นธุระบอกปราจิตให้ แต่ลูกแก้วกลับมองว่าเป็นเพราะศจีอิจฉาเธอ กลัวว่าศจีจะมาแย่งสุพรรณไป จึงจะไปบอกพ่อด้วยตัวของเธอเอง ลึกๆ แล้วศจีรู้ว่าตัวเองนั้นรักสุพรรณแต่ด้วยศักดิ์ศรี ศจีเลือกที่จะปฏิเสธ 
 
          หลังจากที่ออกไปสมาคมเล่นกอล์ฟกับผู้ใหญ่ในกระทรวง อาการป่วยของปราจิตเริ่มหนักขึ้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วอาการก็กำเริบขึ้นทันทีเมื่อลูกแก้วควงคู่สุพรรณมาบอกว่าจะแต่งงาน ปราจิตเห็นเงาของตัวเองในตัวสุพรรณ เห็นเงาของคุณหญิงอรุณวตีบนหน้าของลูกแก้ว มีผลให้ปราจิตช็อกแล้วเสียชีวิตในที่สุด
 
 
          หลังจากผ่านงานศพของปราจิต ความจริงที่ทุกคนเฝ้ารอก็ปรากฏเมื่อทนายเปิดพินัยกรรมของ ปราจิต ไม่มีชื่อศจีอยู่ในมรดกชิ้นใดเลย แม้กระทั่งฐานะภรรยา เพราะศจีไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับปราจิต ไม่เคยคิดจะมาแทนที่คุณหญิงอรุณวตีอย่างที่เคยบอกไว้ ลูกแก้วและชีวินขอโทษที่เข้าใจศจีผิด แต่ศจียังคงวางท่านิ่งเฉยดุจนางพญาและเก็บของออกจากบ้านหลังนั้นหลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ท่ามกลางความเคารพนบนอบของป้าวรรณและคนรับใช้ที่ยอมรับว่าศจีเป็นคุณหญิงของพวกเขา
 
          สุพรรณเริ่มลังเล เมื่อศจีพ้นจากฐานะภรรยาของปราจิต แอบหวังว่าจะได้เริ่มต้นใหม่กับศจี บอกว่ามีบ้านพักข้าราชการ บ้านนั้นยินดีต้อนรับเสมอ แต่ศจีกลับตอบว่า “ฝากบอกแกมแก้วด้วยว่าคุณหญิงอรุณวตีฝากเธอไว้กับดิฉันก่อนสิ้นใจ เธอรับปากท่านไว้และตอนนี้ภาระได้สิ้นสุดลงแล้ว” สุพรรณรู้ทันทีว่าตัวเขามีหน้าที่เป็นสามีของลูกแก้ว ในเมื่อเลือกแล้วก็จงยอมรับแล้วจากไปอย่างทระนงเหมือนศจี ที่ชายหนุ่มนับถือความหนักแน่นและศักดิ์ศรี วินาทีนี้สุพรรณรับรู้ว่าวงจรชีวิตตัวเองและศจีสิ้นสุดลงแล้ว
 
          ศจีกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านสวนเก่าที่เธอเติบโตมา ยอมรับว่าเกียรติยศเป็นของร้อน ศจีเชื่อว่าชีวิตของคนยังต้องก้าวเดินต่อไป ไม่นานลูกแก้วแต่งงานกับสุพรรณ ด้านชีวินเรียบจบเมื่อแต่งงานมีลูกสาวคนแรกมักเรียกลูกว่าแจน แจนจ๋า ชื่อขึ้นต้นด้วยตัวอักษร จี มีแต่น้องเขยซึ่งสงสัย ศจียังคงเป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจชีวิน เป็นคุณหญิงศุภศจี คุณหญิงนอกทำเนียบ สำหรับเขาตลอดไป...
 
          
 

รายชื่อนักแสดงในละคร คุณหญิงนอกทำเนียบ

นุสบา ปุณณกันต์  รับบท  คุณหญิงอรุณวตี 
ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์  รับบท  ศจี หรือ ศุภศจี
พีท ทองเจือ  รับบท  ปราจิต 
จิระ ด่านบวรเกียรติ  รับบท  สุพรรณ 
ชาม โอสถานนท์  รับบท  รัชนีฉาย 
กฤตพร หาญโยธิน  รับบท  แกมแก้ว
วิธวัฒน์ สิงห์ลำพอง  รับบท  ชีวิน
อนันต์ บุญนาค  รับบท  ตาศรี  
เวยน์ ฟอลโคเนอร์  รับบท  ซิงค์
     
:


 
 
ร่วมแสดงความคิดเห็น
 
ชื่อ :
 
ความคิดเห็น :