ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > วิจารณ์หนังใหม่

ทาสรักอสูร

10 ก.ค. 2557 09:26 น. | เปิดอ่าน 1816 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

ขอเชิญชาวหนังดีทุกคนมาวิพากษ์วิจารณ์หนังเรื่องนี้กันใครไปดูมาแล้ว เป็นยังไงหนุกไม่หนุกบอกกันมาเลย

*** หากจะสปอยล์เนื้อหาบางส่วนของเรื่อง แนะนำให้เตือนสมาชิกคนอื่นๆ ล่วงหน้า
โดยให้สมาชิกคนอื่นได้เห็นคำว่า
สปอยล์ หรือ Spoil กันอย่างชัดเจนด้วยนะจ๊ะ

: ทาสรักอสูร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แซ่บเว่อร์!! “อุ้ม-ลักขณา” จัดเต็มลีลาเซ็กซี่ เต้นรูดเสายั่ว “นายหัวหม่ำ” ใน “ทาสรักอสูร”
  • “นายหัวหม่ำ” โชว์ลูกโหดปกป้องทาสรัก “พิ้งกี้” อัด “บ่าววี-หลวงไก่” น็อกคากอง ใน “ทาสรักอสูร”
  • “หม่ำ” ควงลูกสุดเลิพ “น้องเอ็ม นำทีมคู่รักเช็คความโหดฮา แบบภาพยนตร์ "ทาสรักอสูร"
  • “ทาสรักอสูร” ชวนคู่รักฮาร์ดคอร์ เช็คความโหดฮา ในกิจกรรม “รักหฤโหด โคตรหฤเลิพ แบบทาสรักอสูร กับ FM One”
  • การกลับมาอีกครั้งของดาวร้ายหน้าสวย อ๋อม-สกาวใจ ที่จะทั้งร้าย-ฮา-สวย ในภาพยนตร์รักหฤโหด โคตรมหาฮา ทาสรักอสูร
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 41  จากคุณ คำอาลัย...ผู้วายชนม์     11 ก.ค. 2557 19:29 น.

    ท่านเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือ ท่านหม่ำ จ๊กมก เกิด ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ที่อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบัน คือ จังหวัดยโสธร) มีพี่น้องร่วม“มารดาเดียวกัน”ทั้งสิ้น ๗ ฅน โดยท่านหม่ำเป็นบุตรฅนกลาง และมีน้องสาวที่ร่วมวงการตลกผู้เดียว คือ คุณแวว จ๊กมก. ท่านหม่ำหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี และมาของานทำอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งของ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง เป็นวงแรก โดยเริ่มทำงานในตำแหน่งเด็กยกของ ก่อนจะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นหางเครื่อง และตลกตามลำดับ หลังจากนั้น ท่านหม่ำได้ลาออก เพื่อย้ายไปทำงานกับวงดนตรีลูกทุ่งอื่นอีกหลายวง เช่น เกรียงไกร กรุงสยาม, โชคชัย โชคอนันต์ และ สุพรรณ สันติชัย ต่อมา ท่านหม่ำตัดสินใจประกาศอิสรภาพ รวมตัวกับเพื่อนศิลปินตลกในวง ตั้งคณะตลกเก้ายอดขึ้นเองเป็นเอกเทศ จนในที่สุด ได้รับการชักชวนให้มาเล่นตลกในคณะ เทพ โพธิ์งาม ทำให้ท่านหม่ำได้มีโอกาสแสดงตลกร่วมกับ เทพ โพธิ์งาม โดยใช้ชื่อขณะนั้นว่า หม่ำ สปาเก็ตตี้ ซึ่งภายหลัง ท่านหม่ำจึงเปลี่ยนชื่อเป็น หม่ำ จ๊กม๊ก โดยรับหน้าที่เป็นตัวประกอบ รับมุกในคณะของ เทพ โพธิ์งาม จนท่านหม่ำเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จัก ท่านหม่ำเห็นว่า ท่านปีกกล้าขาแข็ง และมีชื่อเสียง สามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว ท่านหม่ำจึงลาออกจากคณะเทพ โพธิ์งาม เพื่อไปตั้งคณะตลกเอง โดยท่านหม่ำตั้งคณะ ชื่อว่า คณะ หม่ำ ซกมก โดยมีสมาชิกคนสำคัญ คือ จาตุรงค์ มกจ๊ก, เท่ง เถิดเทิง, โหน่ง ชะชะช่า, เป๋อ จ๊กมก ฯลฯ. ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่านหม่ำ ได้รับเชิญจาก ท่านปัญญา นิรันดร์กุล ให้มาร่วมทำงานกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ โดยได้มาทำหน้าที่เป็นตัวปริศนาในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ในช่วงชิงบ๊วย ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ท่านหม่ำ ก็ต้องทำงานร่วมกับเวิร์คพอยท์ตลอดไปจวบจนปัจจุบัน ผลงานสำคัญของท่านหม่ำ ในฐานะพิธีกรรายการเกมโชว์ต่าง ๆ ของเวิร์คพอยท์ ได้แก่ เวทีทอง และ ระเบิดเถิดเทิง เป็นต้น นอกจากนี้ ท่านหม่ำเคยมีผลงานเพลงแนวลูกทุ่งหมอลำมาแล้ว โดยเพลงดัง คือ เพลง เฮดจังได๋. ปัจจุบัน ท่านหม่ำ เป็นสุดยอดผู้กำกับภาพยนตร์คุณภาพแถวหน้าของฟากฟ้าบันเทิงไทย และเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ ฟิล์ม จำกัด ผลิตภาพยนตร์ ได้แก่ ภาพยนตร์ เรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และ แหยม ยโสธร ที่ทำรายได้เกิน ๑๐๐ ล้านบาท ทุกเรื่อง และเป็นเจ้าของ บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเคยผลิตรายการโทรทัศน์ ได้แก่ รายการ บิ๊กหม่ำ และละคร แฟกทอรีที่รัก พร้อมทั้งยังคงรับงานแสดงอยู่บ้างประปรายกะปริดกะปรอย และทำธุรกิจร้านอาหารหรูหรา ภัตตาคาร โรงลาบยโสธร ติดห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ บางแค อย่างเป็นล่่ำเป็นสัน อีกด้วย. ด้านวิทยฐานะ ท่านหม่ำ สำเร็จการศึกษา ระดับชั้น ม.๖ (กศน.)พร้อมกับ คุณ ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย จากสถาบันเดียวกัน โดยขณะนี้ ท่านหม่ำกำลังก้มหน้าก้มตาศึกษาอย่างขะมักเขม้นในระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และด้วยกฤษฎาภินิหารอันอำนาจและเงินตราบันดาลได้ ท่านหม่ำจึงมีวิทยฐานะในระดับปริญญาโท “มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง”. ด้านชีวิตครอบครัว ท่านหม่ำเสกสมรสกับ “มาดามมด” เอ็นดู วงษ์คำเหลา หลังจากใช้ชีวิตคู่อยู่ก่อนแต่งมาร่วม ๒๒ ปี ก็เพิ่งได้พึ่งใบบุญจากท่านผู้เป็นใหญ่ดุจร่มโพธิ์ร่มไทรอย่าง ท่านปัญญา นิรันดร์กุล เป็นธุระจัดการจัดงานวิวาหะมงคลสมรสตบแต่งให้เป็นฝั่งเป็นฝา ในฐานะ ช้างสาร งูเ*** ข้าเก่า เต่าเลี้ยง ลูกน้องที่ทำงานรับใช้รองหัตถ์รองบาทกันมาชั่วลูกสืบหลานยาวนานหลายทศวรรษ และท่านทั้งสอง ได้ให้กำเนิดบุตรและธิดาอันประเสริฐด้วยกันสองฅน คือ ท่านเอ็ม นางบุษราคัม วงษ์คำเหลา และ ท่านมิกซ์ นายเพทาย วงษ์คำเหลา โดยขณะนี้ ท่านทั้งสอง กำลังศึกษา“เกี่ยวกับภาพยนตร์” อยู่ ณ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา. นอกจากนี้ “ท่านหม่ำ ยังเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญ ของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.” อีกด้วย


    ความคิดเห็นที่ 40  จากคุณ ทาส “รัก” นักข่มขืน     11 ก.ค. 2557 15:39 น.

    “สิทธิในชีวิต อิสระ และความปลอดภัย เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่สตรีมีเท่าเทียมบุรุษ จงร่วมมือป้องกันและปราบปรามการกระทำรุนแรงต่อสตรี”


    ความคิดเห็นที่ 39  จากคุณ ทาส “รัก” นักข่มขืน     11 ก.ค. 2557 15:39 น.

    “การถูกล่วงละเมิดทางเพศในละครและภาพยนตร์ไทย” ไม่ได้แสดงถึง “ความรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง” แต่มัน คือ “การกดขี่ทางเพศอย่างรุนแรง” ที่ได้รับ “การยอมรับ”“สมยอม” จาก “คนไทย” ใน “สังคมไทย”


    ความคิดเห็นที่ 38  จากคุณ จดหมายจากเอเธนส์     11 ก.ค. 2557 15:36 น.

    เรียน ท่านสื่อมวลชน ผ่านไปยัง หัวหน้า คสช. / การรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่อง ความรับผิดชอบต่อผู้โดยสาร ในคดีข่มขืนบนรถไฟ วันนี้ ดิฉันได้รับข่าวสารจากทางเมืองไทย แค่ได้อ่านหัวข้อข่าวว่า มีเหตุข่มขืนแล้วฆ่าบนรถไฟสายใต้ ดิฉันก็รู้สึกเจ็บและปวดที่หัวใจผู้อย่างรุนแรง "มันเกิดขึ้นอีกแล้วหรือ ?" "ทำไมฉัน ไม่เป็นคนสุดท้าย ? ทำไมต้องเป็นน้องเขา ? ทำไม ?" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง เมื่อ 13 ปีที่แล้ว หากท่านยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2544 เกิดคดีข่มขืนหญิงสาวปริญญาโทบนตู้นอน บนขบวนรถไฟสายใต้ คดีนี้เป็นข่าวครึกโครม การรถไฟฯได้ไล่ผู้กระทำผิดออกจากงาน และศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกจำเลยเป็นเวลา 9 ปี ส่วนในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้น และศาลอุธรณ์ ได้ตัดสินให้การรถไฟฯและจำเลย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่โจทก์ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ 13 ปีผ่านไปแล้ว แต่คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหาย เพราะการรถไฟฯได้ยื่นฎีกาขอทุเลาคดี และทำให้การเยียวยาของดิฉันได้รับความล่าช้าออกไปเรื่อยๆ หลายท่านคงไม่รู้ว่า หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนชีวิต และสุขภาพดิฉันไปตลอดกาลอย่างสิ้นเชิง ท่านรู้หรือไม่? ดิฉันต้องถูกบีบบังคับให้ออกจากงานที่กำลังไปได้ดี เพราะในสายตาของผู้บริหาร ดิฉันได้นำความเสื่อมเสียมาสู่องค์กร เพราะในการเดินทางครั้งนั้น ดิฉันไปทำงานในนามของบริษัท ดิฉันต้องเข้าโรงพยาบาลทางจิตติดต่อกันมาหลายปี มีอาการประสาทหลอน ควบคุมสติไม่ได้ ต้องเข้าบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ทุกคืนวัน ดิฉันมีอาการฝันร้าย ผวาและหวาดกลัวคนรอบข้าง ไม่ไว้วางใจผู้คน วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า นานนับหลายปี ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอาการสั่นของมือ และเมื่อมีเหตุการณ์อะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจ แม้แต่เพียงเล็กน้อย ดิฉันจะมีภาวะตระหนก ควบคุมตนเองไม่ได้ และหลายต่อหลายครั้งถึงกับหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ซึ่งอาการเหล่านี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานถึง 13 ปี ดิฉันก็ยังประสบความยากลำบากที่จะมีชีวิตเยี่ยงคนปกติ ด้วยความอ่อนแอทางสุขภาพจิตและการต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องหลายปี ทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การต้องประสบกับความอับอายในสังคม ทำให้ดิฉันต้องระเห็จมาตั้งต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศอย่างยากลำบาก และรอคอยกระบวนการยุติธรรมที่ถูกทำให้ล่าช้า อย่างไม่เห็นแก่มนุษยธรรมของท่าน หลังจากอ่านหัวข้อข่าว ดิฉันรู้สึกแย่มาก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบอย่างแรง มันเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เพิ่งเกิดขึ้น และมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดิฉันไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนี้เป็นตัวอักษรได้ เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้ ดิฉันทราบข่าวเวลา 3 ทุ่มของประเทศกรีซ หลังจากนั้น ดิฉันหมดสติ มาเริ่มรู้สึกตัวประมาณเที่ยงคืน แต่ดิฉันก็พยายามฝืนที่จะพิมพ์จดหมายฉบับนี้ เพราะต้องการสื่อสารถึงคนในสังคมไทย ว่าถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมนี้มีความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ต้องคอยระแวงว่า "ใคร คือรายต่อไป" จากคดีของดิฉัน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการทางการแพทย์ ทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่นั่นก็ยังไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพราะคดีข่มขืนก็ยังเกิดขึ้นอีกแทบทุกวัน ดิฉันคาดหวังให้มีบทลงโทษที่รุนแรง ในคดีข่มขืน และมีการป้องกัน บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจัง เพราะมันอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เหตุนี้เกิดขึ้นน้อยลง จนไม่เกิดขึ้นเลย........จะเป็นไปได้มั้ยคะ ขอฝากไปถึงท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่จะสามารถทำให้เกิดบทลงโทษที่รุนแรงมากกว่านี้ หรือว่าต้องรอให้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่านก่อน ดิฉันขอแสดงความเสียใจกับบิดาและมารดาของน้องที่เสียชีวิต ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสีย เพราะดิฉันก็ได้เสียมารดา เนื่องจากผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดิฉันเช่นกัน ดิฉันอยากจะบอกว่าน้องเขาไปดีแล้ว น้องเขาโชคดีกว่าดิฉันเยอะ เพราะทุกวันนี้ดิฉันมีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดิฉันไม่เคยนอนหลับตอนกลางคืนเลย มันยากที่จะลืม สุดท้ายนี้ ดิฉันขอฝากข้อความไปถึงท่านผู้มีอำนาจในบ้านเมือง, ผู้ว่าการการรถไฟฯคนปัจจุบัน ว่า ท่านมั่นใจเหรอคะ ว่า 117 ปี ของการรถไฟฯ ไม่เคยมีคดีร้ายแรง มีแต่อนาจาร ดิฉันไม่ทราบว่า ท่านมาบริหารองค์กรนี้ได้อย่างไร ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ว่า องค์กรของท่านเคยเกิดเหตุคดีข่มขืนบนรถไฟสายใต้ ขณะที่รถไฟยังวิ่ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานขององค์กรของท่านเอง ท่านไม่เคยทราบเลยหรือคะ ท่านคิดว่า ท่านสมควรที่จะเป็นผู้บริหารองค์กรนี้ต่อไปหรือคะ คดีของดิฉัน 13 ปีแล้วค่ะ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรคะ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างตลอดกาลของดิฉัน การรถไฟฯเห็นว่า การเยียวยาชดใช้ช่วยเหลือความเสียหายมันตีเป็นตัวเงินเมื่อเทียบกับชีวิตของดิฉันได้หรือคะ ทำไมต้องใช้เวลาเตะถ่วงถึง 13 ปี จนบัดนี้ ดิฉันมีลูกชายวัยเด็กที่ดิฉันต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู ด้วยสุขภาพทั้งกายทั้งจิตที่บอบช้ำอย่างหนัก แต่สำหรับท่าน เงินเพียงเล็กน้อยเท่านี้เท่าที่ศาลท่านสั่งให้ชดใช้ ท่านคิดว่ามากไปหรือคะ ช่วยกรุณาตอบดิฉันด้วย และเหตุการณ์ของน้องแก้ม ที่เพิ่งเกิดขึ้น ท่านจะพูดว่าอะไรคะ ท่านจะดำเนินการอย่างไร ไล่พนักงานคนนั้นออก แล้วก็จบ เหมือนคดีของดิฉันใช่มั้ยคะ คำว่า "ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" ที่ท่านผู้ว่าฯ คนก่อนโน้นเคยกล่าวกับดิฉัน ท่านก็กำลังจะกล่าวคำนี้เช่นกัน กับมารดาของน้องแก้มใช่มั้ยคะ .....ดิฉันอยากถามว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่าน ท่านจะกล่าวคำว่าอะไร ????????????


    ความคิดเห็นที่ 37  จากคุณ ทาส “รัก” นักข่มขืน     11 ก.ค. 2557 15:33 น.

    “ความรุนแรงต่อสตรี หมายถึง การกระทำใดๆที่เป็นความรุนแรง ที่เกิดขึ้นจากอคติทางเพศ เป็นผลให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่สตรี รวมทั้งการขู่เข็ญ คุกคาม กีดกันเสรีภาพสตรีทั้งในที่สาธารณะและในชีวิตส่วนตัว” (ปฏิญญาสากลว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรี โดยองค์การสหประชาชาติ) ปัญหาความรุนแรงต่อสตรี เป็นปัญหาที่สั่งสมมาช้านานและเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกมิติของสังคม ทั้งในระดับครอบครัว ในชุมชน สถานศึกษา และสถานที่ทำงาน จากรายงานประมาณการ พบว่า 1 ใน 5 ของผู้หญิงทั่วโลกเคยถูกทำร้ายร่างกาย และทำร้ายทางเพศ โดยทุก 15 นาที จะมีผู้หญิงถูกข่มขืน 20 คน ในจำนวนนี้ ร้อยละ 40 เป็นเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี.... “ความรุนแรงต่อสตรีนั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม อันเป็นผลพวงจากโครงสร้างของสังคมในยุคอดีต ซึ่งบุรุษมักเป็นผู้ปกครอง ผู้กำหนด ควบคุมและออกกฎที่ใช้ในสังคม บุรุษได้รับการยกย่องมากกว่าสตรี ในบางสังคมถือว่าผู้หญิงและเด็กเป็นสมบัติหรือกรรมสิทธิ์ของผู้ชาย ผู้หญิงถูกจำกัดสิทธิ ต้องอยู่ในฐานะผู้พึ่งพา ไม่มีสิทธิมีเสียง และตกอยู่ในฐานะจำยอม” สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย พบข้อมูลการกระทำความรุนแรงต่อสตรีเป็นจำนวนมาก และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว ข้อมูลรายงานของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบเด็กและสตรีถูกทำร้าย 13,550 ราย เฉลี่ย 37 รายต่อวัน โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ถูกกระทำเป็นเด็กผู้หญิง และความรุนแรงที่กระทำมากที่สุด ได้แก่ การทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ ถึงร้อยล่ะ 95!!! ความรุนแรงที่ผู้หญิงถูกกระทำนั้น มีทั้งความรุนแรงทางร่างกายและทางเพศ เช่น การด่าทอ ทุบตี ทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บ และข่มขืน โดยผู้กระทำการ คือ สามี บิดา ญาติสนิท หรือคนใกล้ชิด (ซึ่งเป็นผู้ชาย) “จากสถิติที่ผ่านมา ของศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรีมูลนิธิเพื่อนหญิง พบว่า บุคคลที่เป็นอันตรายกับผู้หญิงมากที่สุด คือ คนคุ้นเคย (ร้อยละ 84) รองลงมา คือ บุคคลแปลกหน้าหรือไม่รู้จัก (ร้อยละ 11) นอกจากนั้น สถานที่ที่ผู้หญิงถูกกระทำรุนแรง มักเป็นสถานที่ที่ผู้หญิงรู้จักคุ้นเคย หรือเคยไปมาแล้ว (ร้อยละ 44) อาทิ ห้องหรือบ้านของผู้กระทำ บ้านญาติ บ้านของเหยื่อ วัด ที่ทำงาน หรือสถานที่ที่ผู้หญิงมั่นใจว่าไม่น่าเกิดอันตรายกับตนเอง” ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับสตรี ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยต้องบาดเจ็บ สภาพจิตใจหดหู่ เครียด เก็บกด หวาดระแวง ซึมเศร้า หลายรายประสบปัญหาหนัก จนมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่มีที่พึ่งพิง ไม่มีคนคอยดูแลและเยียวยารักษาจิตใจ นอกจากนั้น ความหวาดกลัวต่อความรุนแรง ความสับสนและความอาย ทำให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำ มักไม่กล้าบอกกล่าวคนรอบข้าง หรือแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำการ เมื่อไม่มีผู้รู้เห็น...เมื่อปราศจากความช่วยเหลือ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เคยถูกกระทำรุนแรง เช่น ถูกทุบตี หรือถูกข่มขืน จึงมักถูกกระทำทารุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า...สภาวะอันโหดร้ายที่ผู้หญิงต้องเผชิญนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น !!!


    << 1 2 3 4 5  6  7 8 9 10 11 12 13 14 >>